วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2561

อาบัง คือพี่ชายจากชวา-มลายู, ไม่ใช่แขกอินเดีย

หลายคนมักจะได้ยินละครโทรศัพท์ และรายการข่าวมักใช้คำว่า "อาบัง" เรียกแขกที่มาอาศัยในเมืองไทย

โดยแท้จริงแขกที่อาศัยในไทยไม่ได้มีเฉพาะแขกฮินดูจากอินเดีย แต่ยังมีแขกอิสลาม จากอินโดนีเซีย มาเลเซีย แขกซิกข์จากอินเดีย และแขกทมิฬ (มีทั้งอินเดียใต้ มาเลเซีย และปากีสถาน)

แต่คำว่า "อาบัง" นั้นไม่ใช่ศัพท์เครือญาติที่ใช้เรียกบุุคคลในภาษาทมิฬ อูระดู และฮินดี ที่นิยมใช้ในหมู่ชนชาติต่าง ๆ ที่เป็นชาวอินเดียที่นิยมเข้ามาค้าขาย และตั้งรกรากในเมืองไทยมายาวนาน โดยชนรุ่นหลังของชาวทมิฬที่เข้ามาใหม่ มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลายและรัตนโกสินทร์ตอนต้น

เพราะหลักฐานตามประวัติศาสตร์และจดหมายเหตุราชสำนักไทยโบราณนิยมจ้างพวกพราหมณ์จากอินเดียใต้หรือศรีลังกา (พราหมณ์ทมิฬ) เข้ามาทำพิธีในราชสำนัก

ถาม : แล้วคำว่า "อาบัง" มาจากไหน ?

ตอบ : คำว่า อาบัง คือภาษาชวา-มลายู หรือภาษาอินโดนีเซีย และมาเลเซียปัจจุบัน แปลว่า "พี่ชาย" เป็นศัพท์ที่เป็นวัฒนธรรมชวา มลายู ที่จะเรียกชายที่อาวุโสกว่าที่ไม่รู้จักว่า พี่ชาย เช่นเดียวกับชาติพันธุ์อื่น ๆ ที่คนไทยเรียกว่าแขก

โดยถ้าเป็นแขกอินเดียเหนือที่ใช้ภาษาฮินดีจะเรียกว่า ไภยา (พี่ชาย) และแขกทมิฬจะเรียกว่า แอนณา (พี่ชาย)

อย่างไรก็ดีคำว่า "อาบัง" ไมใช่ภาษาอินเดียแน่นอน ถ้าจะเรียกแขกอินเดียควรใช้คำว่า "ไภยา" หรือ "ภา-อี" ที่เป็นภาษาฮินดีมากว่า

การที่ใครว่า "อาบัง" แปลว่าพี่ชายในภาษาฮินดี นั้นเป็นการปล่อยไก่ของคนไทย ให้อายแขกทำให้รู้ว่าคนไทยยังอ่อนด้อยทางด้านการศึกษาเรื่องชาติพันธุ์และภาษาต่าง ๆ ในอาเซียน ที่มีชนเชื้อชาติแขกชาติพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย ไม่ได้มีแต่แขกอินเดีย หรือชวา-มลายูเท่านั้น


๑ ตารางแสดงว่าไม่มีคำว่า "อาบัง" ในภาษาฮินดีของครอบครัวแขกอินเดียเหนือ

๒ ตารางแสดงว่าไม่มีคำว่า "อาบัง" ในครอบครัวแขกอาหรับ




๓ ตารางแสดงว่าไม่มีคำว่า "อาบัง" ในครอบครัวแขกทมิฬ อินเดียใต้

๔. ตารางแสดงว่า อาบัง (พี่ชาย) อยู่ในครอบครัว ชวา-มลายู

ชื่อหญิงไทย "เรียม" มาจากภาษาฮิบรู


ภาพที่ ๑ ตลาดน้ำขวัญ เรียม
ที่มา : N 2 Trip http://www.n2trip.com/2013/10/kwan-riam-floating-market.html

       เรียม ที่มีความหมายแทนสรรพนามบุรุษที่ ๑ เรียกแทนตนเอง เวลาคุยกับคนรัก มาจากภาษาเขมร โดยมากใช้แทนผู้ชายที่เป็นชู้รัก หรือสามี....แล้วเรียมซึ่งเป็นชื่อผู้หญิงมาจากไหน?

       สันนิษฐานว่า  "เรียม" ที่เป็นชื่อผู้หญิงในภาษาไทยมาจากภาษาฮิบรู (สำเนียงมุสลิม) เดิมไม่ไช่ภาษาอาหรับ แต่ปรากฏในอัลกุรอานว่าเป็นชื่อของพี่สาวนบีมูซา และชื่อแม่ของนบีอีซา เป็นชื่อที่ชาวยิวและคริสต์นิยมใช้กัน กล่าวคือในภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษออกเสียงว่า มารีย์ หรือเมรี่, ภาษาลาติน ออกเสียงว่ามาเรีย, ภาษาอเมริกันบางกลุ่ม ออกเสียง มัยย์ และภาษาอาหรับ รัสเซีย กรีซ ออกเสียงว่า มัรยัม หรือ มาเรียม

มาเรียม ในภาษาอาหรับแปลว่า ผู้หญิงดีที่ละทิ้งเรื่องทางโลก หรือผู้หญิงดีที่ไม่พูดกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก


ภาพที่ ๒ ภาพพระแม่มาเรีย ของชาวคริสต์

สตรีชื่อ "เรียม" หรือ "มาเรียม" ในประวัติศาสตร์ไทย
๑. เจ้าจอมมารดาเรียมในล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒


๒. เรียม เพศยนาวิน อดีตนางสาวสยามคนที่ ๖ หรือนางสาวไทยคนแรก

ภาษาทมิฬ

ภาษาทมิฬ
เป็นภาษา ๑ ในสี่ภาษาของอินเดียใต้ ที่มีสี่รัฐสำคัญของชาวดราวิเดียนคือ

๑. รัฐทมิฬนาฑู ใช้ภาษาทมิฬ
๒.รัฐอานธระประเทศ ใช้ภาษาเตลุคุ
๓. รัฐกรรณาฏกะ ใช้ภาษากรรณาฑะ
๔.รัฐเกรลา ใช้ภาษามลายะลัม (ไม่ใช่ภาษามลายู หรือยาวี)

ความสำคัญ:

              ชนชาติทมิฬมีความผูกพันกับวัฒนธรรมอาเซียนมาแต่ครั้งโบราณกาล ในทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีอักษรในอาเซียนเกือบทั้งหมดที่ไม่ใช้อักษรโรมัน จีนหรืออังกฤษ

               นั้นพัฒนามาจากอักษรอินเดียใต้ ที่นักวิชาการปัจจุบันถือว่าเป็นอักษรชนิดเดียวกันกับอักษรทมิฬโบราณ (เพียงแต่เรียกตามราชวงศ์หรือชื่อยุคสมัยของอินเดียใต้ เช่น อักษรปัลลวะ อักษรโจฬะ เป็นต้น)


             ในปัจจุบันภาษาทมิฬยังใช้ในอาเซียน คือเป็นภาษาของชนกลุ่มน้อยในไทย (ชุมชนวัดแขกสีลมที่กรุงเทพ ฯ) ส่วนในประเทศมาเลเซียมีชุมชนแขกทมิฬขนาดใหญ่แถว ๆ ถ้ำบาตู
             และประเทศสิงคโปร์ก็มีชาวทมิฬอาศัย หรือไปหางานทำจำนวนมากถึงกับมีการเรียนการสอนภารตนาฏยัมที่เป็นศิลปะการแสดงเต้นรำประจำชาติของชาวทมิฬที่นั้น



อะ อา อิ อี อุ อู เอะ

เอ ไอ โอะ โอ เอา อะห์ อิกฺ

อิงฺ อิจฺ อิญฺ อิฏฺ อิณฺ อิถฺ อินฺ .... ฯลฯ

 พัฒนาการอักษรอินเดียใต้เป็นอักษรอาเซียนและไทย


 เปรียบเทียบอักษรครันถะ (อักษรครึนถ์ หรือคฤนถ์ ก็ว่า)
อักษรทมิฬตัวน้อยกว่าอักษร ครึนถ์ แต่เขียนสันสกฤตได้ 

โดยที่ตัวปลายลูกศรที่หายไป ใช้อักษรตัวเดียวกับหัวลูกศร ใช้อักษรซ้ำ ๆ กัน  
แต่การออกเสียงไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

เช่น க หรือ ก ออกเสียงได้เป็น /ก/ /ข/ /ค/ /ฆ/  
ซึ่งเป็นเสียงที่มีอยู่ในภาษาสันสกฤต ขึ้นอยู่กับคำ ๆ ไป 
เพียงแต่ใช้อักษรตัวเดียวกัน
ต่างกับอักษรครึนถ์ที่มีอักษรครบ

ดังนั้นภาษาพูดของภาษาทมิฬจึงมีความสำคัญพอ ๆ กับภาษาเขียน และต้องจำเป็นคำ ๆ ไป
ว่าคำอย่างนี้เขียนอย่างไร แต่ออกเสียงอย่างไร?

 ฐานเกิดเสียงต่าง ๆ ในช่องปาก

เสี้ยงม้วนลิ้นที่ไม่มีในภาษาไทย

คำบ่งสถานที่ในภาษาทมิฬ

 ตัวอย่างการออกเสียงกับรูปเขียนภาษาทมิฬที่แตกต่างกัน

 โอะ - โอฏฏะกัม (อ่าน อด - ดะ - กัม)

..........

எது ஒட்டகம் ? (เอดตือ อดดะกัม) ตัวไหน อูฐ?

இது ஒட்டகம் (อิตือ อดดะกัม) นี่อูฐ

 อา - อาฏุ (อ่าน อา - ดือ)

.......

அது நாயா ? (อะ ตือ นายา) นั้นหมาใช่ไหม?

இல்லை(อิลไล) ไม่ใช่.... அது ஆடு (อะตือ อาดือ ) นั้นแพะ


 เขียน: เปจัณฎ นคัร อ่าน: เบสันตะ นาคัร
เขียน: ถิรุวาลห์มิยูร อ่าน: ตีรุวัลเมียวร์
เขียน: อินถิรา นคัร อ่าน: อินดิรา นาคัร


เขียน อรุลห์มิกุ ถิรุวัลห์ลุห์วัร ถิรุกโกยิล

มยิลาปปูร , เจนไน - 4

อ่าน อรุลห์มิกือ ตีรุวัลห์ลุห์วัร ตีรุกโกยิล

ไมลาโปร (Mylapore) , เซนไน - 4
................
 อรุลห์มิกุ แปลว่า เพื่อ/ แห่ง/ที่ พรมงคล

ถิรุวัลห์ลุห์วัร แปลว่า ชื่อกวี วรรณะพราหมณ์ของทมิฬโบราณที่แต่งกวีนิพนธ์สุภาษิตภาษาทมิฬ

ถิรุกโกยิล แปลว่า วัด

มยิลาปปูร แปลว่า แดนแห่งแววมยุรา (เป็นชื่อเขตเมือง ในเมืองเจนไน

เจนไน แปลว่า ชื่อเมืองเซนไน (ตามการออกเสียงคนกรุง) เมืองหลวงของรัฐทมิฬนาฑู