วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2562

"อารามโสภา" กำพร้าพญานาคคุ้ม หรือนิทานแม่ปลาบู่ทองของอินเดีย




   😇นางอารามโสภา จากเรื่อง เดอะ เมจิก โกรฟว์ The Magic Grove ในหนังสือการ์ตูนรวมนิทานของลัทธิเ ชน Jain Stories ของสำนักพิมพ์อมรจิตรคาถา Amar Chitra Katha สำนักพิมพ์นิทานการ์ตูนในประเทศอินเดีย (ซึ่งในเล่มมีเรื่อง Vidyut Chora, The Magic Grove, The Adventures of Agad Datta, Sahasramalla& The King in a Parrot's Body เรียกว่า FABLES AND HUMOUR 5 IN 1 PACK หมายถึงนิทานร่วม 5 เรื่องในเล่มเดียว สั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ https://www.amarchitrakatha.com/int/ มีฉบับแปลอังกฤษด้วย)


   😇 ซึ่งในนิทานเชนหรือไชนะสามีนางอารามโสภาลงโทษแม่เลี้ยงใจร้าย และน้องสาวที่ปลอมเป็นนางแล้วก็อยู่กันอย่างมีความสุขแบบเรื่องปลาบู่ทองของไทย ตามอย่างเจ้าหญิงเจ้าชายตามขนบนางซินเดอเรลล่าของทั่วโลก

  😇แต่นิทานปุราณะของฮินดูกลับมีเรื่องต่อไปอีกว่า กล่าวว่าสามีนางอารามโสภาใช้พรที่นางอามารมโสภาได้รับจากพระเจ้าหรือพญานาคให้มีร่มไม้วิเศษเคลื่อนที่ปกคลุมไม่ให้นางได้รับความร้อนจากแดด (ไทยคือต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง) ไปสร้างนครในทะเล และคอยยกทัพบุกตีปล้นบ้านเมือง ต่าง ๆ เสร็จแล้วก็ยกทัพหนีไปที่นครกลางน้ำ (แพไม้?) จนร่ำรวย กลายเป็นอสูรร้าย และปรปักษ์ของพระเจ้า จนทำให้พระเจ้าโกรธ พระวิษณุจึงใช้จักรทำลายต้นไม้ทั้งหมดของนางอารามโสภาทำให้นครที่มั่งคั่ง และสามีนางอารามโสภาถึงแก่การอวสานลงไปในทะเล (นิทานฮินดูท้ายเรื่องนี้น่าจะได้รับอิทธิพลจากเรื่องอาลีบาบากับโจรทั้ง 40 คน)

















 😇ยักษ์ในวรรณกรรมสันสกฤตถือว่าเป็นพวกเทวดา ในศาสนาเชนหรือไชนะของอินเดียเรียกพวกเทพารักษ์ต่าง ๆ ว่ายักษ์ เช่นรุกขเทวดาที่มาช่วยนางอารามโสภา หรือนางปลาบู่ทองสำนวนอินเดียก็ว่าเป็นยักษ์พวกหนึ่ง ยักษ์หรือภูตไพรซึ่งมักปรากฏเป็นชายร่างใหญ่ใจดีมาช่วยมนุษย์น่าจะเป็นตำนานเล่าและนับถือในชนพื้นเมืองสมัยยุคก่อนพระเจ้าสุลัยมาน เมื่อพระเจ้าสุลัยมานหันมานับถือพระเจ้าองค์เดียวในสมัยนั้น เทพโบราณจึงถูกเปลี่ยนเป็นปีศาจไปหมด (สมัยที่ศาสนา ยิว คริสต์ และอิสลาม ยังไม่แบ่งแยกกันชัดเจน ตำนานพระเจ้าสุลัยมาน หรือมหากษัตริย์โซโลมอน คริสต์และอิสลามจึงใช้ร่วมกัน)




















หากภาพไม่สามารถเปิดได้สามารถอ่านได้ใน youtube และลิงก์ด้านล่าง



วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2562

เทศกาลสงกรานต์ทั้ง 4 ของชาวฮินดู

สงกรานต์ แขกเรียก "สังกรานติ" คือช่วงเวลาที่พระอาทิตย์โคจรจากราศีหนึ่งไปอีกราศีหนึ่งตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ที่เกี่ยวกับ 12 ราศี ของอินเดียและกรีก ตามสุริยคติ ดังนั้นสงกรานต์ในทางโหราศาสตร์มีทุก ๆ เดือน แต่เทศกาลสงกรานต์ที่สำคัญของฮินดูมีแค่ 4 ตามฤดูกาลที่สำคัญซึ่งเกี่ยวกับสังคมเกษตรกรรมและการเพาะปลูกคือ

(อินเดียโบราณมี 6 ฤดู ไทยมี 3 ฤดู ปัจจุบันมี 2 คือวันที่ฝนตก กับไม่ตก)

1) มกระ สังกรานติ (โปงเคิล - ทมิฬ 15-18 มกรา 2019 แต่ มกระ สังกรานติ 15 มกรา 2019) เหมันตฤดู (หนาว) - ศิศิร ฤดู (หมอก น้ำค้าง ลม)
   😇 ช่วงมกราคม เป็นหน้าหนาวของอินเดีย แต่เป็นหน้าฝนของทมิฬนาฑู เทศกาลโปงเคิล คือเทศกาล บูชาพระอาทิตย์ เจ้าแม่ฝน (มะลัยอัมมัน 1 ในเจ็ดเทวีพี่น้องของนางมีนักษี หรืออุมาเทวีอวตารแห่งอินเดียใต้ ที่ถือว่าเป็นที่มาของสัปตมาตฤกาในอารยธรรมสินธุ ประมาณสามพันกว่าปีก่อน) และวันสุดท้ายมีการบูชาขอบคุณสัตว์เลี้ยงที่ช่วยงานเกษตรกรรม วัว ควาย ลา หรือม้า (ถือว่าเป็นปีใหม่ของชาวทมิฬ ที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง)

2) เมษะ สังกรานติ (ปุถานดุ -ทมิฬ 14 เมษา 2019) คิมหันตฤดู (ฤดูร้อน)
    😇 ทั้งอินเดียเหนือและใต้เป็นหน้าร้อน เทศกาลปุถานดุ ของทมิฬแม้จะไม่มีการสาดน้ำเหมือนสงกรานต์ไทย แต่ก็เป็นวันครอบครัว พบปะกัน มีการบูชาเทพเจ้าเป็นพิเศษเงียบ ๆ ในบ้าน และกินอาหารร่วมกัน โดยมากคนไม่ค่อยออกไปไหนเพราะร้อนมาก (น้ำน้อย น้ำไม่ไหล ต้องประหยัด) และที่อินเดียมีคนร้อนตายทุก ๆ ปี (บางคนก็ว่าปุถานดุก็เป็นปีใหม่ของทมิฬเช่นกัน ชาวทมิฬจึงมีปีใหม่สองครั้ง)

3) กรกะ สังกรานติ (ทักษิณยานะ 16 กรกฏา 2019 เฉพาะปีนี้ตรงกับ วันอาสาฬหบูชา) วรรษา ฤดู (ฤดูฝน)
    😇 เป็นวันบูชาพระนารายณ์เป็นพิเศษและการเริ่มต้นที่ดีของการฝึกสมาธิ

4) ตุละ สังกรานติ (ทีปวาลี 25-27 ตุลา 2019 แต่ตุละ สังกรานติ 17 ตุลา 2019)  สารทฤดู (ใบไม้ร่วง)
   😇 เทศกาลทีปวาลี หรือ "ดีวาลี" ก็ว่า เป็นเทศกาลบูชาพระลักษมี (เทวีแห่งความร่ำรวย ช่วงเริ่มเก็บเกี่ยวพืชผลขายแล้วรวย?) เป็นหลัก แต่ก็มีการบูชาเทพต่าง ๆ อีกหลายองค์ เช่นสรัสวดี เทวีแห่งความรู้ อักษรศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ พระคเณศ เทพแห่งปัญญาศิลปะ และความสำเร็จ หรือระลึกพระราม ธรรมราชาผู้เป็นพระนารายณ์อวตารซึ่งกลับมาอโยธยาในวันนี้ บางก็ว่าเป็นคืนเดือนมืดที่พญายมจะมาตรวจเยี่ยมดูคุณความดีของมนุษย์ จึงต้องจุดประทีปต้อนรับก็มี มีการบูชาเทพฮินดูอย่างใหญ่โต และมีการจุดพลุไฟเล่นทั่วเมือง อย่างน่ากลัว (ประเภทเอาพลุโอ่งหลายลูกใส่ถังพลาสติกหรือปี๊บเอาไปตั้งกลางถนน แล้วจุดไฟให้ระเบิด ในขณะที่คนยังเดินไปมาหนาแน่นในถนนหนทาง ซึ่งผู้เดินจะต้องรู้จังหวะกระโดดหลบเอาเอง)