วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2565

นักดนตรีนักเต้นรำ-คนธรรพ์หรือกินรี


 

1. เดิมในสันสกฤต พวกกินนรคือนักดนตรี ส่วนพวกคนธรรพ์คือนักเต้นรำ

.....
เพราะคำว่าคนธรวี แปลว่านางคนธรรพ์ ลูกสาวของคนธรรพ์ นางอัปสร และคำพูด แต่ คนธรวปัตนี गन्धर्वपत्नी แปลว่า ภรรยาของพวกคนธรรพ์ และแปลว่านางอัปสร โดยเหล่านางอัปสรคือลูกศิษย์ของภรตมุนี (พ่อแก่หรือฤๅษีแห่งการเต้นรำของอินเดีย) โดยผู้ที่จะแสดงเป็นคู่ชายหญิงในละครก็คือสามีของนางอัปสร หรือนักสิทธิฤๅษีหนุ่มที่เป็นลูกศิษย์ของภรตมุนี ดังนั้นคนธรรพ์เดิมคือนักเต้นรำที่อาจจะมีความรู้ด้านดนตรีบ้าง
ส่วนลูกของฤๅษีกัศยปะและนางปราธาเทวี เป็นพวกกินนร คือตุมฺพุรุ तुम्बुरु เทพ มีเศียรเป็นม้า ก็ดีพิณเป็นนักดนตรี


..................
2. คนธรรพ์เป็นนักดนตรี กินรีเป็นนักฟ้อนรำ
2.1 คนธรรพ์เป็นนักดนตรี มาจากอิทธิพลบาลีคือเรื่องปัญจสิงขรในพระไตรปิฎก มาจากชื่อศาสตร์การเล่นดนตรีในสมัยหลังที่เรียกดนตรีและการเต้นรำว่า คนธรรพ์วิทยา
2.2 กินรีเป็นนักฟ้อนรำ มาจากเรื่องนางมโนราห์รำบูชายัญ
............
ลิงก์ด้านลงโรงเรียนสอนดนตรีที่เมืองบอมเบย์เคยมี โรงเรียนชื่อว่า กินนระ สกูล ออฟ มิวสิก (ปัจจุบันหาในแผนที่ไม่เจอน่าจะมีการเปลี่ยนชื่อไปแล้ว เป็นโรงเรียนสอนดนตรีในยุคซิกตี้)



สัปตฤๅษีของกรีกโบราณ



สัปตฤๅษี Sapta Rishi หรือปราชญ์ทั้ง 7 แห่งกรีก (ช่วง 97-12 ปีในพุทธกาล)
............
ฮอย เฮปต้า โซฟอย hoi hepta sophoi (οἱ επτά σοφοί) Greek 7 sage
......
1 ทาเลส. Thales of Miletus (c. 624 BC – c. 546 BC) ( ประมาณ 624 ปีก่อนคริสตกาล - ประมาณ 546 ปีก่อนคริสตกาล ) เป็นนักปรัชญา นักคณิตศาสตร์ และนักดาราศาสตร์ชาวกรีกคนแรกที่รู้จักกันดี คำแนะนำของเขา " จงรู้จักตัวเอง " ถูกสลักไว้ที่ด้านหน้าของวิหารอพอลโลในเดลฟี
.......
2. ปิตตาคุส Pittacus of Mytilene (c. 640 BC – c. 568 BC) ( ประมาณ 640 ปีก่อนคริสตกาล - ประมาณ 568 ปีก่อนคริสตกาล ) ปกครอง Mytilene ( Lesbos ) เขาพยายามลดอำนาจของขุนนางและสามารถปกครองโดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ชุมนุมซึ่งเขาโปรดปราน
.......
3. เบียส หรือ บีอัส Bias of Priene (fl. 6th century BC) ( ช่วงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ) เป็นนักการเมืองและสมาชิกสภานิติบัญญัติในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช
........
4. โซลอน Solon of Athens (c. 638 BC – c. 558 BC) ( ประมาณ 638 ปีก่อนคริสตกาล - ประมาณ 558 ปีก่อนคริสตกาล ) เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติและนักปฏิรูปที่มีชื่อเสียงจากเอเธนส์โดยวางกรอบกฎหมายที่หล่อหลอม ระบอบประชาธิปไตย ของเอเธนส์
.......
5. คลีโอบูลัส Cleobulus, tyrant of Lindos (fl. c. 600 BC) ทรราชแห่งลินดอส ( ช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล ) มีรายงานว่าเป็นปู่หรือพ่อตาของ Thales;
.......
6. เปเรียนเดอร์ Periander of Corinth (b. before 634 BC, d. c. 585 BC) (เกิดก่อน 634 ปีก่อนคริสตกาล, d. ประมาณ 585 ปีก่อนคริสตกาล ) เป็นทรราชที่สองของราชวงศ์ Cypselid ที่ปกครอง เมืองโคริน ธ์โบราณ การปกครองของ Periander นำมาซึ่งช่วงเวลาที่รุ่งเรืองในประวัติศาสตร์ของ Corinth เนื่องจากทักษะการบริหารของเขาทำให้ Corinth เป็นหนึ่งในนครรัฐที่ร่ำรวยที่สุดในกรีซ
.......
7. ชีลอน Chilon of Sparta (fl. 555 BC) ( ช่วง 555 ปีก่อนคริสตกาล ) เป็น นักการเมืองชาว สปาร์ตันที่มีสาเหตุมาจากการทำสงครามกับสังคมสปาร์ตัน
.............
โดยลำดับที่ 5-6 มีการเสนอชื่อคนที่สับสนแตกต่างกันไป เช่นแทนที่ด้วย Myson of Chenae (6th century BC); Anacharsis the Scythian (6th century BC). เหมือนความสับสนของจำนวนและลำดับตัวแทนสัปตฤๅษีของฮินดู



อมนุษย์ไทยกับรากศัพท์อินโดยูเปียน


 ................Thai version........................

1. ศิวะ มาจากคำว่า ซูส /ซีอุส Zeus
2. พรหมัน หรือพรหม มาจากคำว่า ฟลาเมน flāmen Latin (ที่แปลว่า priest หรือนักบวช)
3. เทพ หรือเทวะ มาจากคำว่า ไดโอส Diós (Δῐός) Greek, Deus (Latin dea)
4. เทวี ที่แปลว่านางเทพ มาจากคำว่า ไดโอนี Dione (Διώνη) feminine and one wife of Zeus & mother of Venus (Latin feminine dea)
5. ยักษ์ หรือยักษะ พัฒนามาจากคำว่า ไกกัส Gigas (Γίγας) Greek ( เพี้ยนเป็น Igsa และกลายเป็น Yagsa)
6. คนธรรพ์ หรือ คนฺธรฺวะ มาจากคำว่า เซนทอร์ Kéntauros (κένταυρος) Greek
7. อัปสร หรือ อัปสรา พัฒนามาจากคำว่า นูมฟอโดรอส Numphódōros (Νυμφόδωρος) ของกรีกที่แปลว่าของขวัญของนางอัปสร หรือของขวัญของเจ้าสาวหรือภรรยาสาว คือ Numphódōros กร่อนเสียงเป็น Umphodoros - amphadara - apsara อัปสร ในที่สุด
8. อสูร มาจากเทพในคัมภีร์อเวสตะซึ่งเป็นเทพของชาวอัสซีเรียน อาซูร Ashur Athur (Assyrian language) โดยพบคำที่อาจจะมีรากคำเดียวกันในภาษาละตินคือ อาร์เธอร์ Arthur (Latin Bear man ที่แปลว่ามนุษย์หมี เป็นชื่อของกษัตริย์อาร์เธอร์ในเรื่องอัศวินโต๊ธกลม)
9. กินนร น่าจะมาจากคำกรีกว่า กิทาโรเดส kitharodes (κιθαρῳδος) Greek, แปลว่าผู้เล่น cithara (κιθάρα) โดยเครื่องดนตรีนี้ในภาษฮิบรูเรียกว่า กินนอร Kinnor (Hebrew: כִּנּוֹר‎ ) ที่เป็นเครื่องดนตรีโบราณของประเทศอิสราเอล
10. โยคี มีรากคำเดียวกันกับคำกรีกคือไซ-กอส zygós (ζυγός) แปลว่า แอกที่ไว้ใช้ผูกสัตว์ (ติดคันไถ)
11. พระสิทธา หรือนักสิทธิ์ มีมาจาก เซเทอร์ / เซเทอรอส sátyros (σάτυρος) Greek มีรากคำเดียวกับคำว่า sage ในภาษาอังกฤษ
12 สัปตฤๅษี มาจาก เฮปต้า โซฟอย ของกรีกเรียกมีคำนำหน้าว่า ฮอย เฮปต้า โซฟอย hoi hepta sophoi (οἱ επτά σοφοί) Greek 7 sage (1. Thales of Miletus 2. Pittacus of Mytilene 3. Bias of Priene 4. Solon of Athens 5. Cleobulus, tyrant of Lindos 6. Periander of Corinth 7. Chilon of Sparta ) – Sapta Rishi
13.นาคะ นาค หรือพญานาค มาจากคำว่า สนาคา snaca (ในภาษาอังกฤษเก่าแปลว่า Snake หรืองู) ในขณะที่ภาษาก่อนอินโดยูโรเปียนมีรากคำว่า Proto-Indo-European sneg- (คลาน ,ที่เลื้อยคลาน) มีรากคำเดียวกับคำว่า สเน็ก snake ในภาษาอังกฤษ
14. ครุฑ มีรากคำว่าจากคำว่า คู, gū ในภาษาก่อนอินโดยูโรเปียน Proto-Indo-European root แปลว่า กรีดร้อง, หรือภาษาอังกฤษเก่า Old Englishที่ว่า ไซตะ cȳta (ที่แปลว่า kite ว่าว หรือ bittern นกยาง และเป็นรากคำที่มาของคำว่า kite ที่แปลว่า ว่าว และนกตระกูลเยี่ยวและอินทรี ) หรือภาษากรีกโบราณ Ancient Greek ที่เรียกว่า คีปส์ γύψ (gúps แปลว่า vulture หรืออีแร้ง) หรือภาษาละติน คือ อะควิลา aquila (Latin: แปลว่า Eagle หรือนกอินทรี) - โดยที่น่าสนใจคือ คำว่า กรีฟฟิน griffin สัตว์ที่หัวเป็นนกอินทรีตัวเป็นสิงโตมีรากศัพท์มาจากคำว่า γύψ (gúps แปลว่า vulture หรืออีแร้ง) และลูกของพญาครุฑในรามายณะก็เป็นพญานกแร้งสดายุ
15. วิทยาธร มีรากคำวมาจากภาษาก่อนอินโดยูโรเปียน the Proto-Indo-European root คือ weyd แปลว่า See มอง, ดู ต่อมาในกลุ่มภาษาอินโดยูโรเปียน เช่นภาษาอังกฤษเก่า wīs และภาษาก่อนเยอรมัน wisaz แปลว่าฉลาด ในรากศัพท์ของภาษาอังกฤษปัจจุบัน wis - wiz แปลว่า wisdom ความรู้
......คำภาษาสันสกฤตที่ตรงกับคำอังกฤษ......
วิทยาธร विद्याधर m. wizard ผู้วิเศษ
วิทยาธรี विद्याधरी f. wizardess ผู้วิเศษหญิง
...................
wic - พื้นบ้าน village
......
wicca -m. ผู้ทำนายหรือหมอดูชาย Witcher แม่มดผู้ชาย, พ่อมด
wicce - f. ผู้ทำนายหรือหมอดูหญิง - Witch แม่มด
................. สันสกฤต......................
ผู้วิเศษ - โยคิน
ผู้วิเศษหญิง - โยคินี
พ่อมด - มายิน
แม่มด - ฑากินี ฑากิน ฑาอิน
......
      👉 แนวคิดเล่านี้รวบรวมมาจากข้อสันนิษฐานของนักวิชาการต่างชาติ บางความคิดเห็นหลาย ๆ ท่านที่ชอบอ่านหนังสือก็น่าจะได้เคยได้ยินมาบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ดียังมีตัวละครในวรรณคดีสันสกฤตที่ได้รับอิทธิพลจากวรรณคดีสันสกฤตที่ไม่สามารถเปรียบเทียบรากคำหรือชื่อได้ แต่เห็นได้ชัดเจนว่าได้รับอิทธิโครงเรื่องและบทบาทของตัวละครเช่น นางสีดากับเฮเลนแห่งทรอย กฤษณะกับเทพจอมพลังเฮอคิวริส หรือ นางสุวรรณมัจฉากับนางเงือกเป็นต้น ซึ่งคำว่าสุวรรณมัจฉาเป็นคำสันสกฤตผสมบาลี ส่วนคำว่านางเงือกเป็นคำไทยเทียบรากศัพท์ภาษาไม่ได้ แต่ก็เป็นตัวละครที่ได้อิทธิพลต่อกัน รู้ได้ว่านางสุวรรณมัจฉาคือนางเงือกที่มีมาตั้งแต่อารยธรรมเปโสโปเตเมีย และทุกอารยธรรมทั่วโลก 

..................English version......................

1. ซูส /ซีอุส Zeus - Shiva
2. ฟลาเมน flāmen (priest) Latin - Brahman
3. ไดโอส Diós (Δῐός) Greek, Deus (Latin dea) – Deva
4. ไดโอนี Dione (Διώνη) feminine and one wife of Zeus & mother of Venus (Latin feminine dea) – Devi
5. ไกกัส Gigas (Γίγας) Greek- (Igsa- Yagsa) - Yaksha
6. เซนทอร์ Kéntauros (κένταυρος) Greek – Gandharva
7. นูมฟอโดรอส Numphódōros (Νυμφόδωρος)
Gift of the Nymphs or the gift of his young wife, bride – Apsara
8. อาซูร Ashur Athur (Assyrian language) Arthur (Latin Bear man) – Asura
9. กิทาโรเดส kitharodes (κιθαρῳδος) Greek, one who used the cithara (κιθάρα) to accompany their singing, Kinnor (Hebrew: כִּנּוֹר‎ kīnnōr: an ancient Israelite musical instrument in the yoke lutes family) – Kinnara
10. ไซ-กอส zygós (ζυγός) yoke, for joining animals – Yoga
11. เซเทอร์ / เซเทอรอส sátyros (σάτυρος) Greek – Siddhas (sage)
12 ฮอย เฮปต้า โซฟอย hoi hepta sophoi (οἱ επτά σοφοί) Greek 7 sage (1. Thales of Miletus 2. Pittacus of Mytilene 3. Bias of Priene 4. Solon of Athens 5. Cleobulus, tyrant of Lindos 6. Periander of Corinth 7. Chilon of Sparta ) – Sapta Rishi
13. สนาคา snaca (Old English, Snake) Proto-Indo-European sneg- (to crawl; a creeping thing) – Naga
14. คู, gū "screech." Proto-Indo-European root, Old English cȳta (“kite; bittern”) γύψ (gúps “vulture”) Ancient Greek aquila (Latin: Eagle) - Garuda
15 วิซ - wis - wiz - wisdom - Vidyadara

......คำภาษาสันสกฤตอื่น ๆ ที่ตรงกับคำอังกฤษ......



วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2565

ฮัมมิงไคท์ Humming kite ว่าวดุ๊ยดุ่ยสากล

           หรือว่าวซิงกิงไคท์ Singing kite เป็นการเรียกว่าวที่มีคันสายให้เกิดเสียงเช่น ว่าวฝรั่งประเภท ฮัมมิงไคท์ที่มีชื่อคือ เบอร์มิวด้าไคท์ (Bermuda kite) เป็นว่าวทรงแปดเหลี่ยมหลายสีมีฮัมเมอร์ (Hummer) ที่ทำให้เกิดเสียง 1 คู่ทรงสามเหลี่ยมที่หัวว่าว (Peter Backeberg. 2022: online) ส่วนไทยเป็นสายคันธนูติดที่ว่าว ไทยจึงเรียกว่า ว่าวดุ๊ยดุ่ย ตามเสียง หรือว่าวสนู ตามที่มีคันธนูติดที่หัวว่าว ที่ตรงกับภาษาเขมรว่า ขะแลงไอก์ (ខ្លែងឯក) yoke kite คือว่าวแอก (អាំង ជូលាន. 2017: online) เบงกาลี: ด๊าวส์ ฆูริ ঢাউস ঘুড়ি ซึ่งโดยมากทำเป็นรูปนกจึงเรียกว่า จิลฆูริ চিল ঘুড়ি (ว่าวนกอินทรี) และว่าวสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ที่เรียกว่า  กูยาริ ฆูริ কুয়ারি ঘুড়ি เป็นว่าวเหมือง หรือ จอง ฆูริ চং ঘুড়ি (ว่าวช่อง) คล้ายช่องคันนาข้าวก็ติดติดฮัมเมอร์ (Hummer) หรือสนูด้วย (সানজিদা রুমি.  2018: online)

       ขณะที่ภาษาฮินดีและสันสกฤต มีคำว่า ปะตังคะ पतंग แปลว่าว่าว ซึ่งปัจจุบันอินเดียในภาคอื่นนิยมแต่ว่าว ตุ๊ก-กล ปะตังคะ तुक्कल पतंग ที่รูปทรงคล้ายว่าวจุฬาของทางภาคใต้ของไทยหรือว่าวกาปัลของมาเลเซียมากกว่า และไม่นิยมติดฮัมเมอร์หรือสนูไว้ที่หัวว่าว กับว่าวตวา ปะตังคะ तवा पतंग มีลักษณ์คล้ายว่าวปักเป้าแต่มีขากบเล็กแปะที่ส่วนหางว่าว (Ravi Magazine. 2018: online)

       ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่น มีว่าวสมัยเอโดะ ที่เรียกว่า เอโดะ ดาโกะ (江戸凧) ซึ่งเป็นว่าวขนาดทรงสี่เหลี่ยมด้านเท่าขนาดใหญ่วาดลายสวยงามที่นิยมติดฮัมเมอร์ไว้ที่ส่วนหัวทำให้เกิดเสียงดังเวลาขึ้นว่าว และมีว่าวขนาดเล็กคือว่าวผึ้ง (ฮาชิ-ดาโกะ 蜂凧)  ว่าวจักจั่น (เซมิ-ดาโกะ セミ凧) ที่ติดฮัมเมอร์ไว้ที่ส่วนหัวโดยชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าฮัมเมอร์หรือสนูเหล่านี้ได้อิทธิพลมากจากว่าวของอาเซียน (Gabi Greve. 2015: online)

เบอร์มิวด้าไคท์ (Bermuda kite) 

from: Jonathan Bell. 2020online

ขะแลงไอก์ (ខ្លែងឯក)

from: អាំង ជូលាន2017: online

ด๊าวส์ ฆูริ ঢাউস ঘুড়ি หรือจิลฆูริ চিল ঘুড়ি (ว่าวนกอินทรี)

from: Natural Fishing BD. 14 May 2020: online

ตุ๊ก-กล ปะตังคะ (तुक्कल पतंग)

from: Bilal Hassan. 2015online

ตวา ปะตังคะ (तवा पतंग) 

from: Bilal Hassan. 2015online

เอโดะ ดาโกะ (江戸凧)

from: Nilo Vélez. 1998online

ฮาชิ-ดาโกะ (蜂凧)

from: Nilo Vélez. 1998online

เซมิ-ดาโกะ (セミ凧)

from:  Nilo Vélez. 1998online

................
Refer to:

Bilal Hassan. (2015). Basant – Kite Flying Spring Festivity in Lahore. (online). from: https://www.locallylahore.com/basant-lahore-kite-flying/. [2022/9/16].

Gabi Greve. (2015). Kites of Japan. (online). from: https://omamorifromj apan.blogspot.com/2015/01/kites-of-japan.html. [2022/9/16].

Jonathan Bell. (2020). Thomson says sorry for kite confrontation. (online). the royalgazette. from: https://www.royalgazette.com/other/news/article/20200401/thomson-says-sorry-for-kite-confrontation/. [2022/9/16].

Natural Fishing BD. (14 May 2020). ঢাউস ঘুড়ি বানানোর সম্পূর্ণ নিয়ম | How to make Beautiful Dahus Kite- Full Method. (youtube). from: https://www.youtube.com/watch?v=jk-Qzi7gmbk. [2022/9/16].

Nilo Vélez. (1998). The great works of nagoya koryu. (online). from: https://www.kiteplans.org/planos/koryu/koryu.html. [2022/9/16].

._________. (1998). This is an Edo-Kite. (online). from: https://www.kiteplans.org/planos/edo5/edo5.html. [2022/9/16].

Peter Backeberg. (2022). The Bermuda Kite. (online). from: https://www.thebermudian.com/culture/the-consummate-bermudian/the-ber muda-kite/. [2022/9/16].

Ravi Magazine. Different Kinds of Kites for Basant in Pakistan. (2018). (online). from: https://www.ravimagazine.com/different-kinds-of-ki tes-for-basant-in-pakistan/. [2022/9/16].

អាំង ជូលាន. (2017). ខ្លែងឯក. (online). យសោធរ ផ្សព្វផ្សាយវប្បធម៌ខ្មែរ (Yosothor for khmer cultures) from: https://www.yosothor.org/publications/khm er- renaissance/chapter-seven/klaeng-ek.html .  [2022/9/16].

সানজিদা রুমি. (2018). পৌষ সংক্রান্তি পুরনো ঢাকার এক ঐতিহ্যবাহী ঘুঁড়ি উড়ানোর উৎসব. (online). আলোক রেখা দীপ্ত প্রজ্ঞার ন্বেষণে. from: https://www.alokrekha.com/2016/12/blog-post_ 19.html[2022/9/16].


วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2565

มัทนะพาธา สำนวนชาวคริสต์ "นางทาสแห่งพระเจ้ากับกำเนิดของดอกกุหลาบ"


ภาพดอกกุหลาบและสตรีในเปลวไฟ
ที่มา https://www.pinterest.com/pin/470696598530671408/


                                     แปลจากภาษาอังกฤษโดย เอ็ม รุทรกุล

Nay EDITH! spare the rose!—it lives—it lives,

ไม่แต่ง! แฝงกุหลาบ! มีชีพชีวีศรี

It feels the noon-tide sun, and drinks refresh'd

แสงสุรีย์ สบเที่ยงเคียง เครื่องดื่มได้สดใส

The dews of night; let not thy gentle hand

น้ำค้างร้างราตรี; จับมือละมุน อย่ามีไจ

Tear sunder its life-fibres and destroy

น้ำตาสลายเส้นใยแห่งชีวิตแล้วมลาย

The sense of being!—why that infidel smile?

สัมผัสพร้อมเพื่อมีชีวิต! รอยยิ้มนั้นไม่จริงใจฤาไฉน?

Come, I will bribe thee to be merciful,

มาข้ามอบ ส่วยเจ้าใจ เมตตาจำหน่าย

And thou shall have a tale of other times,

แจ้งเรื่องราว เรากาลอื่น เจ้ากระจาย

For I am skill'd in legendary lore,

เพราะข้าพร้อม เพียรทักษะ นิทาน นา ๆ

So thou wilt let it live. There was a time

ควรเจ้าจะคลาย ชีวายเพ็ญ เพลาชื่น

Ere this, the freshest sweetest flower that blooms,

ก่อนดอกรื่น รสหวาน บานสะพรั่งผา

Bedeck'd the bowers of earth. Thou hast not heard

ควรประดับ แดนโลกแล้ว ลืมฟังฤา

How first by miracle its fragrant leaves

แรกเราอัศจรรย์ อันหอมหวน แห่งพฤกษ์ใบ

Spread to the sun their blushing loveliness.

แผ่รักร้อน ล้วนผองสู สู่สูรย์แสง

There dwelt at Bethlehem a Jewish maid

เมื่อเบธเลเฮม ยิวสาวใช้ เมืองแสดง

And Zillah was her name, so passing fair

ชื่อซิลลาห์ ล่ะสิเธอ เผลอหลงใจ

That all Judea spake the damsel's praise.

ลูกยูดาห์ ได้สรรเสริญศรีทาสี

He who had seen her eyes' dark radiance

เขามองนี่ เนตรมืดมิด แม่สาวใช้

How quick it spake the soul, and what a soul

สุดวิญญาณ ปราณประสาท เร็วอย่างไร

Beam'd in its mild effulgence, woe was he!

เขาพิบัติรัก รอยยิ้มหล่อน  อ่อนโยนดี!

For not in solitude, for not in crowds,

เพราะใช่ ต่างลำพัง ใช่ชนกลางหน

Might he escape remembrance, or avoid

เขามิอาจขลาด จำทน ทุกหลบลี้

Her imaged form that followed every where,

รูปแม่งาม ตามปองปลุก ทุกแห่งที่

And fill'd the heart, and fix'd the absent eye.

จิตเติมเต็ม จิตใจรักษ์ ปักนัยนา

Woe was he, for her bosom own'd no love

เขาพิบัติ! ขัดใจนาง ร้างรักเศร้า

Save the strong ardours of religious zeal,

ใจร้อนเร้า แรงกล้า  แก่ศาสนา

For Zillah on her God had centered all

เพราะพระเจ้า จริงสิ่งสรรพ สุดซิลล่าห์

Her spirit's deep affections. So for her

อานิสงส์ สืบวิญญาณ ปราณเพื่อเธอ

Her tribes-men sigh'd in vain, yet reverenced

 คนของเธอ ถอนใจไร้ค่า เคารพนัก

The obdurate virtue that destroyed their hopes.

ธัมมารักษ์ ธรรมเนียมมั่น หมดหมายเพ้อ

One man there was, a vain and wretched man,

ชายคนหนึ่ง ซึ่งไร้ค่า น่าสังเวชเนอ

Who saw, desired, despair'd, and hated her.

ผู้เห็นหวัง สิ้นหวัง สาปศรีนาง

His sensual eye had gloated on her cheek

เนตรเขาเยิ้ม ยลอยู่ แก้มนางรู้

Even till the flush of angry modesty

จนจิตตู่ ตนใจถ่อม ถมเคืองค้าง

Gave it new charms, and made him gloat the more.

ตัณหาเต็ม เติมสุขเอา เขาให้เครื่องราง

She loath'd the man, for Hamuel's eye was bold,

เธอชังชาย ชั่งอุกอาจ ตา-ฮามูเอล

And the strong workings of brute selfishness

เห็นแต่ชั่ว เห็นแก่ตัว ทั่วโหดร้าย

Had moulded his broad features; and she fear'd

เขาชั่วล้วน เธอกลัวแล้ว ดีแหลกเหลว

The bitterness of wounded vanity

ขมขื่นจินต์ สิ้นสาระ จะเจ็บเลว

That with a fiendish hue would overcast

ด้วยดุร้าย ร่วมชีวิต ชีพมืดมล

His faint and lying smile. Nor vain her fear,

แลรอยยิ้ม ลืมคำลวง ไม่หวั่นไหว

For Hamuel vowed revenge and laid a plot

ฮามูเอลแผน แก้แค้นใคร่ เคืองสับสน

Against her virgin fame. He spread abroad

สลายชื่อ สิ้นบริสุทธิ์ ส่งลือกล

Whispers that travel fast, and ill reports

เร็วกระซิบ ป่วยฉิบหาย ขายข่าวกา

That soon obtain belief; that Zillah's eye

ความเชื่อเช่น ชนลือมา ตาซิลลาห์เห็น

When in the temple heaven-ward it was rais'd

เมื่ออยู่เป็น โบสถ์ฟ้ารักษ์ รักยิ่งบ้า

Did swim with rapturous zeal, but there were those

ว่ายวนโลภ โมหะอ้าง บ้างคาใจจาก์

Who had beheld the enthusiast's melting glance

เพราะแววตา พาละลาย อายหลงใจ

With other feelings fill'd; that 'twas a task

อื่นรู้สึก ไม่เติมเต็ม ต่างหนีหาย

Of easy sort to play the saint by day

เล่นมักง่าย งานนักบุญ เบื้องกาลใกล้

Before the public eye, but that all eyes

ก่อนตาคน ตาแห่งชน ทุกหนไป

Were closed at night; that Zillah's life was foul,

เสร็จสิ้น ยามค่ำย้ำ ซิลลาห์โทษ

Yea forfeit to the law.

แท้แล้วนาง จำนนต่อ จารีตผิด

Shame—shame to man

วิปริต ผิดอัปยศ ยอดมนุษย์โหด

That he should trust so easily the tongue

ชายชั่ว มั่วใช้ลิ้น ลือง่ายโคตร

That stabs another's fame! the ill report

แทงทำลาย ขายคนอื่น! ยื่นข่าวกา

Was heard, repeated, and believed,—and soon,

ยินพลันพูด ซ้ำซื่อเชื่อ—ใช่ว่าไหน

For Hamuel by most damned artifice

ฝ่ายฮามูเอล อ้างเล่ห์ให้ เหี้ยมสาปฆ่า

Produced such semblances of guilt, the Maid

ให้ทาสี มีผิดบาป สาปสำนึกมา

Was judged to shameful death.

นางถูกให้ ประหารชีวิต ชีพละอาย

Without the walls

ไร้กำแพง

There was a barren field; a place abhorr'd,

มีทุ่งแห้ง แล้งรังเกียจ

For it was there where wretched criminals

เพราะเพนียดนี้ มีแต่ชั่ว บุญบัวสลาย

Were done to die; and there they built the stake,

ที่นั่นพวกเขา สร้างเสา เผาเธอให้ตาย

And piled the fuel round, that should consume

ทั้งก่อเพลิง กองรอบ ที่ขอบชิด

The accused Maid, abandon'd, as it seem'd,

ทาสีเท็จโทษ แท้ดูดุจ ดังทิ้งเศร้า

By God and man. The assembled Bethlemites

เบธเลเฮมเรา รวมพร้อมกัน นั้นเพราะพระฤทธิ์

Beheld the scene, and when they saw the Maid

เห็นเหตุเกิด เห็นทาสีสนิท

Bound to the stake, with what calm holiness

ผูกแล้วพัก หลักศักดิ์สิทธิ์ นิ่งสงบ

She lifted up her patient looks to Heaven,

ทาสี อุตส่าห์มอง ส่องสวรรค์

They doubted of her guilt. With other thoughts

ต่างสงสัย โทษนางนั้น บ้างคิดลบ

Stood Hamuel near the pile, him savage joy

เหี้ยมฮามูเอล มองฟืนใกล้ ไหม้สุขจบ

Led thitherward, but now within his heart

ในภายใน หัวใจเขา ใช่ที่ใด

Unwonted feelings stirr'd, and the first pangs

ความรู้สึก ตกผลึกใจ แรกเจ็บช้ำ

Of wakening guilt, anticipating Hell.

ตื่นผิดซ้ำ ตื่นตระหนก นึกนรกไหน.

The eye of Zillah as it glanced around

ข้างสายตา ของซิลลาห์ แลมองไป

Fell on the murderer once, but not in wrath;

แล้วเพชฌฆาต ก็ล้มเหลว ใช่ด้วยโกรธ

And therefore like a dagger it had fallen,

ที่ร่วงหล่น ลงมา เหมือนกริชร้าย

Had struck into his soul a cureless wound.

บาดวิญญาณ นานไม่หาย บาดแผลโหด

Conscience! thou God within us! not in the hour

มโนธรรม! พระเจ้าในเรา! ไม่ในกาลโปรด

Of triumph, dost thou spare the guilty wretch,

แห่งชัยชนะ ทรงละเว้น เศษเดนคน

Not in the hour of infamy and death

ไม่ในกาล พาลอัปยศ ตายสลด

Forsake the virtuous! they draw near the stake—

ทิ้งนักพรต! พวกเขาเข้า ใกล้เสาสับสน—

And lo! the torch! hold hold your erring hands!

แลจริง! จับคบไฟ! ไว้มือผิดตน!

Yet quench the rising flames!—they rise! they spread!

ไฟลุกโชน!—ช่วยดับใคร ใกล้เลยลา!

They reach the suffering Maid! oh God protect

ต่างหานางร้อน วอนพระรักษ์

The innocent one!

พิสุทธิ์ศรี!

They rose, they spread, they raged—

เกิดกุหลาบ ลาร้างราคี  ทุกทิศา—

The breath of God went forth; the ascending fire

แลลมปราณ ญาณพระเจ้า จบไฟนา

Beneath its influence bent, and all its flames

ด้วยฤทธานุภาพ บำราบ เพลิงสยบ

In one long lightning flash collecting fierce,

เมื่อฟ้าผ่า น่ากลัวเทียบ ทัณฑ์สวรรค์

Darted and blasted Hamuel—him alone.

ผ่าเอกา ฮามูเอล—ไม่อาจหลบ

Hark—what a fearful scream the multitude

เสียง—ฝูงชน คนกรีดร้อง ร่างถูกอบ

Pour forth!—and yet more miracles! the stake

ดำเนินไป!—ปาฏิหาริย์ นานมากมาย!

Buds out, and spreads its light green leaves and bowers

กุหลาบแตกหน่อ ก่อใบเขียว เกี่ยวลดาชี้

The innocent Maid, and roses bloom around,

วิสุทธิ์ทาสี สวยกุหลาบ กลีบขยาย

Now first beheld since Paradise was lost,

เห็นอีกครั้ง หลังสวนสวรรค์ สูญมลาย

And fill with Eden odours all the air.

เติมกลิ่นดิน แดนอีเดน เต็มนภา


(เนื่องจากเป็นบทร้อยกรองจึงมีการแปลงคำเพื่อสัมผัสเป็นจำนวนมาก แต่พยายามไม่ให้เนื้อความหลักต่างจากเดิม)

เนื้อความบทกวี กุหลาบ (THE ROSE: Poems by Robert Southey) โดยโรเบิร์ต เซาเธย์ สรุปได้ว่า

A Jewish maid of Bethlehem (whom Southey names Zillah) was beloved by one Ham’uel, a brutish sot. Zillah rejected his suit, and Hamuel vowed vengeance. He gave out that Zillah was a demoniac, and she was condemned to be burnt; but God averted the flames, the stake budded, and the maid stood unharmed under a rose-tree full of white and red roses, then “first seen on earth since Paradise was lost.

หญิงรับใช้ชาวยิวในเมืองเบธเลเฮม (ซึ่งเซาเธย์ผู้แต่งบทกวีตั้งชื่อว่า ซิลลาห์ Zillah) เป็นที่รักของฮามอูเอล คนขี้เหล้าผู้โหดเหี้ยม ซิลลาห์ปฏิเสธคำร้องขอความรักของเขา และฮามูเอลสาบานว่าจะล้างแค้น เขากล่าวหาว่า ซิลลาห์เป็นปีศาจ และเธอถูกตัดสินให้ถูกเผา (ด้วยไฟ) แต่พระเจ้าได้ทรงดับเปลวเพลิง เสา (ที่ผูกเธอไว้) แตกออก และหญิงรับใช้ก็ยืนอยู่ใต้ต้นกุหลาบที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวและสีแดงโดยไม่เป็นอันตราย แล้ว “ (นี้เป็นการ) พบเห็นครั้งแรกบนโลกตั้งแต่ที่ (กุหลาบเหล่านั้น) หายไปในสวนสวรรค์ (แห่งอีเดน)”

 

บทกวีของเซาเธย์นี้น่าจะมีที่มาจากเรื่อง Voiage and Travails ของ Sir John Mandeville บทที่ 9 (IX) หัวข้อย่อยเรื่อง How rose came first into the world p. (หน้า) 46-47


 

From Hebron men go to Bethlehem in half a day, for it is but five mile; and it is full fair way, by plains and woods full delectable. Bethlehem is a little city, long and narrow and well walled, and in each side enclosed with good ditches : and it was wont to be dept Ephrata, as holy writ saith, Ecce, audivimus eum in Eplzrata, that is to say, ' Lo, we heard him in Ephrata.' And toward the east end of the city is a full fair church and a gracious, and it hath many towers, pinacles and corners, full strong and curiously made ; and within that church be forty-four pillars of marble, great and fair.

จากเมืองเฮโบรนคนทั้งหลายไปเบธเลเฮมในครึ่งวัน เพราะมันอยู่ห่างออกไปเพียงห้าไมล์ และเป็นเส้นทางที่ดีเพราะมีที่ราบที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์และต้นไม้ (ที่ร่มรื่น) เบธเลเฮมเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีเส้นทางทั้งยาวและแคบ มีกำแพงล้อมรอบอย่างดี และในแต่ละด้าน (ของเมือง) มีคูน้ำที่ดีล้อมรอบ และมันก็เคยเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นดินแดนที่อยู่ลึกแห่งมหานครเอฟราตา (ในอดีต) ดังที่พระกฤษฎีกา (แห่งพระเจ้า) กล่าวไว้ว่า “ เอกเซ อาดิวิมุส อิวมิน เอฟราตา Ecce, audivimus eum in Eplzrata แปลว่า ดูเถิด เราได้ยินพระองค์ในเอฟราตา” และไปทางทิศตะวันออกของเมืองเป็นโบสถ์ที่สวยงามและสง่างาม และมีหอคอย ยอดแหลมและมุมต่างๆ มากมาย สร้างขึ้นอย่างแข็งแกร่งและน่าพิศวง และภายในโบสถ์นั้นมีเสาหินอ่อนสี่สิบสี่เสาที่ยิ่งใหญ่และวิจิตรงดงาม

 


And between the city and the church is the field Floridus, that is to say, the ' field flourished.' For as much as a fair maiden was blamed with wrong, and slandered that she had done fornication ; for which cause she was demned to death, and to be burnt in that place, to the which she was led. And, as the fire began to burn about her, she made her prayers to our Lord, that as wisely as she was not guilty of that sin, that he would help her and make it to be known to all men, of his merciful grace. And when she had thus said, she entered into the fire, and anon was the fire quenched and out ; and the brands that were burning became red rose-trees, and the brands that were not kindled became white rose-trees, full of roses. And these were the first rose-trees and roses, both white and red, that ever any man saw; and thus was this maiden saved by the grace of God. And therefore is that field dept the field of God flourished, for it was full of roses.

และระหว่างเมืองกับโบสถ์คือทุ่งฟลอริดัส (Floridus) กล่าวคือ 'ทุ่ง (แห่งพระเจ้า) อันรุ่งเรือง' เพราะเหตุว่ามีสาวงามผู้บริสุทธิ์ (ผู้หนึ่ง) ถูกกล่าวหาว่าทำผิด และยังถูกใส่ร้ายว่าเธอได้ล่วงประเวณี (ชิงสุกก่อนห่าม)อีกด้วย เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้เธอถูกตัดสินประหารชีวิตโดยให้ใช้ไฟเผาเสีย ณ ที่ซึ่งเธอถูกนำไปนั้น เมื่อไฟเริ่มแผดเผาเธอ เธอได้อธิษฐานต่อพระเจ้าของพวกเราว่า “เธอไม่มีความผิดในบาปนั้นฉันใด เช่นเดี่ยวกับการที่พระองค์จะทรงช่วยเธอฉันนั้น นี้จะทำให้มนุษย์ทุกคนรู้ถึงพระคุณอันเมตตาของพระองค์” . เมื่อเธอกล่าวอย่างเฉียบแหลมเช่นนี้แล้ว เธอก็เข้าไปในกองไฟและด้วยเหตุนี้ไฟก็ดับลงแล้วถ่านไฟทั้งหลายที่เผาไหม้ได้กลายเป็นต้นกุหลาบแดง ส่วนถ่านไฟที่ไม่ได้จุดติดไฟก็กลายเป็นต้นกุหลาบขาว ที่นั้นเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ และนี่คือต้นกุหลาบและดอกกุหลาบต้นแรก ที่มีทั้งสีขาวและสีแดง ที่คนทั้งหลายพึงได้เคยเห็น เหตุนี้หญิงสาวคนนี้จึงได้รับความรอดปลอดภัยโดยพระคุณของพระเจ้า และด้วยเหตุนี้เองที่ทุ่งแห่งพระเจ้าจึงเฟื่องฟู (ฟลอริดัส : Floridus) เพราะมีดอกกุหลาบอยู่เต็มไปหมด

 



................................


โครงดั้นวิวิธมาลี เรื่อง กำเนิดกุหลาบของนางซิลลาห์

                                                   แต่งโดย เอ็ม รุทรกุล

๐ เบธลาเฮมลือเรื่องร้าย.......ซิลลาห์ นางนา

เพียงเพราะอามูเอล...........รักล้า

นักเลงล่อนักสิทธา.............สาระ เลวแล

ชนเชื่อชายค้าเค้า..............ข่าวกา

๐ ฟลอริดัสทุ่งท้าย................ผูกเสา เผาเฮย

เพี้ยนรักอัสนีพา....................พุ่งฟ้า

เพียงฟาดผ่าผิดเขา...............ปรภพ นรกนา

พลันดับเพลิงกล้าเจ้า……….เป่าปราณ

๐ ทาสซิลลาห์ลักษณ์นี้...........บริสุทธิ์ ศรีแฮ

ไฟกุหลาบแดงฉาน.................กลิ่นฟุ้ง

ฟืนไฟขาดขาวผุด…… ……..ผ่องดอก

ดุจดั่งเอเดนยุ้งเหย้า................เสกสวรรค์