1. เดิมในสันสกฤต พวกกินนรคือนักดนตรี ส่วนพวกคนธรรพ์คือนักเต้นรำ
วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2565
นักดนตรีนักเต้นรำ-คนธรรพ์หรือกินรี
สัปตฤๅษีของกรีกโบราณ
สัปตฤๅษี Sapta Rishi หรือปราชญ์ทั้ง 7 แห่งกรีก (ช่วง 97-12 ปีในพุทธกาล)
............
ฮอย เฮปต้า โซฟอย hoi hepta sophoi (οἱ επτά σοφοί) Greek 7 sage
......
1 ทาเลส. Thales of Miletus (c. 624 BC – c. 546 BC) ( ประมาณ 624 ปีก่อนคริสตกาล - ประมาณ 546 ปีก่อนคริสตกาล ) เป็นนักปรัชญา นักคณิตศาสตร์ และนักดาราศาสตร์ชาวกรีกคนแรกที่รู้จักกันดี คำแนะนำของเขา " จงรู้จักตัวเอง " ถูกสลักไว้ที่ด้านหน้าของวิหารอพอลโลในเดลฟี
.......
2. ปิตตาคุส Pittacus of Mytilene (c. 640 BC – c. 568 BC) ( ประมาณ 640 ปีก่อนคริสตกาล - ประมาณ 568 ปีก่อนคริสตกาล ) ปกครอง Mytilene ( Lesbos ) เขาพยายามลดอำนาจของขุนนางและสามารถปกครองโดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ชุมนุมซึ่งเขาโปรดปราน
.......
3. เบียส หรือ บีอัส Bias of Priene (fl. 6th century BC) ( ช่วงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ) เป็นนักการเมืองและสมาชิกสภานิติบัญญัติในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช
........
4. โซลอน Solon of Athens (c. 638 BC – c. 558 BC) ( ประมาณ 638 ปีก่อนคริสตกาล - ประมาณ 558 ปีก่อนคริสตกาล ) เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติและนักปฏิรูปที่มีชื่อเสียงจากเอเธนส์โดยวางกรอบกฎหมายที่หล่อหลอม ระบอบประชาธิปไตย ของเอเธนส์
.......
5. คลีโอบูลัส Cleobulus, tyrant of Lindos (fl. c. 600 BC) ทรราชแห่งลินดอส ( ช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล ) มีรายงานว่าเป็นปู่หรือพ่อตาของ Thales;
.......
6. เปเรียนเดอร์ Periander of Corinth (b. before 634 BC, d. c. 585 BC) (เกิดก่อน 634 ปีก่อนคริสตกาล, d. ประมาณ 585 ปีก่อนคริสตกาล ) เป็นทรราชที่สองของราชวงศ์ Cypselid ที่ปกครอง เมืองโคริน ธ์โบราณ การปกครองของ Periander นำมาซึ่งช่วงเวลาที่รุ่งเรืองในประวัติศาสตร์ของ Corinth เนื่องจากทักษะการบริหารของเขาทำให้ Corinth เป็นหนึ่งในนครรัฐที่ร่ำรวยที่สุดในกรีซ
.......
7. ชีลอน Chilon of Sparta (fl. 555 BC) ( ช่วง 555 ปีก่อนคริสตกาล ) เป็น นักการเมืองชาว สปาร์ตันที่มีสาเหตุมาจากการทำสงครามกับสังคมสปาร์ตัน
.............
โดยลำดับที่ 5-6 มีการเสนอชื่อคนที่สับสนแตกต่างกันไป เช่นแทนที่ด้วย Myson of Chenae (6th century BC); Anacharsis the Scythian (6th century BC). เหมือนความสับสนของจำนวนและลำดับตัวแทนสัปตฤๅษีของฮินดู
อมนุษย์ไทยกับรากศัพท์อินโดยูเปียน
................Thai version........................
..................English version......................
วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2565
ฮัมมิงไคท์ Humming kite ว่าวดุ๊ยดุ่ยสากล
หรือว่าวซิงกิงไคท์ Singing kite เป็นการเรียกว่าวที่มีคันสายให้เกิดเสียงเช่น
ว่าวฝรั่งประเภท ฮัมมิงไคท์ที่มีชื่อคือ เบอร์มิวด้าไคท์ (Bermuda kite) เป็นว่าวทรงแปดเหลี่ยมหลายสีมีฮัมเมอร์
(Hummer) ที่ทำให้เกิดเสียง 1 คู่ทรงสามเหลี่ยมที่หัวว่าว (Peter
Backeberg. 2022: online) ส่วนไทยเป็นสายคันธนูติดที่ว่าว ไทยจึงเรียกว่า ว่าวดุ๊ยดุ่ย
ตามเสียง หรือว่าวสนู ตามที่มีคันธนูติดที่หัวว่าว ที่ตรงกับภาษาเขมรว่า ขะแลงไอก์
(ខ្លែងឯក) yoke kite คือว่าวแอก (អាំង ជូលាន. 2017: online) เบงกาลี: ด๊าวส์ ฆูริ ঢাউস ঘুড়ি ซึ่งโดยมากทำเป็นรูปนกจึงเรียกว่า จิลฆูริ চিল ঘুড়ি (ว่าวนกอินทรี) และว่าวสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ที่เรียกว่า กูยาริ ฆูริ কুয়ারি ঘুড়ি เป็นว่าวเหมือง หรือ จอง ฆูริ চং ঘুড়ি (ว่าวช่อง) คล้ายช่องคันนาข้าวก็ติดติดฮัมเมอร์ (Hummer) หรือสนูด้วย (সানজিদা রুমি. 2018: online)
ขณะที่ภาษาฮินดีและสันสกฤต มีคำว่า ปะตังคะ पतंग แปลว่าว่าว ซึ่งปัจจุบันอินเดียในภาคอื่นนิยมแต่ว่าว ตุ๊ก-กล ปะตังคะ तुक्कल पतंग ที่รูปทรงคล้ายว่าวจุฬาของทางภาคใต้ของไทยหรือว่าวกาปัลของมาเลเซียมากกว่า
และไม่นิยมติดฮัมเมอร์หรือสนูไว้ที่หัวว่าว กับว่าวตวา ปะตังคะ तवा पतंग มีลักษณ์คล้ายว่าวปักเป้าแต่มีขากบเล็กแปะที่ส่วนหางว่าว (Ravi
Magazine. 2018: online)
ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่น มีว่าวสมัยเอโดะ ที่เรียกว่า เอโดะ ดาโกะ (江戸凧) ซึ่งเป็นว่าวขนาดทรงสี่เหลี่ยมด้านเท่าขนาดใหญ่วาดลายสวยงามที่นิยมติดฮัมเมอร์ไว้ที่ส่วนหัวทำให้เกิดเสียงดังเวลาขึ้นว่าว
และมีว่าวขนาดเล็กคือว่าวผึ้ง (ฮาชิ-ดาโกะ 蜂凧) ว่าวจักจั่น (เซมิ-ดาโกะ セミ凧) ที่ติดฮัมเมอร์ไว้ที่ส่วนหัวโดยชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าฮัมเมอร์หรือสนูเหล่านี้ได้อิทธิพลมากจากว่าวของอาเซียน
(Gabi Greve. 2015: online)
เบอร์มิวด้าไคท์ (Bermuda kite)
from: Jonathan Bell. 2020: online
ขะแลงไอก์ (ខ្លែងឯក)
from: អាំង ជូលាន. 2017: online
ด๊าวส์ ฆูริ ঢাউস ঘুড়ি หรือจิลฆูริ চিল ঘুড়ি (ว่าวนกอินทรี)from: Natural Fishing BD. 14 May 2020: online
ตุ๊ก-กล ปะตังคะ (तुक्कल पतंग)from: Bilal Hassan. 2015: online
ตวา ปะตังคะ (तवा पतंग)
from: Bilal Hassan. 2015: online
เอโดะ ดาโกะ (江戸凧)
from: Nilo Vélez. 1998: online
ฮาชิ-ดาโกะ (蜂凧)
from: Nilo Vélez. 1998: online
เซมิ-ดาโกะ (セミ凧)
from: Nilo Vélez. 1998: online
Bilal Hassan. (2015). Basant – Kite Flying Spring
Festivity in Lahore. (online). from: https://www.locallylahore.com/basant-lahore-kite-flying/.
Gabi Greve. (2015). Kites of Japan. (online). from: https://omamorifromj apan.blogspot.com/2015/01/kites-of-japan.html. [2022/9/16].
Jonathan Bell. (2020). Thomson says sorry for kite
confrontation. (online). the royalgazette. from: https://www.royalgazette.com/other/news/article/20200401/thomson-says-sorry-for-kite-confrontation/.
Natural Fishing BD. (14 May 2020). ঢাউস ঘুড়ি বানানোর সম্পূর্ণ নিয়ম | How to make
Beautiful Dahus Kite- Full Method. (youtube). from: https://www.youtube.com/watch?v=jk-Qzi7gmbk.
Nilo Vélez. (1998). The great works of nagoya koryu. (online). from: https://www.kiteplans.org/planos/koryu/koryu.html. [2022/9/16].
._________. (1998). This is an Edo-Kite. (online). from: https://www.kiteplans.org/planos/edo5/edo5.html. [2022/9/16].
Peter
Backeberg. (2022). The Bermuda Kite. (online). from: https://www.thebermudian.com/culture/the-consummate-bermudian/the-ber
muda-kite/.
Ravi
Magazine. Different Kinds of Kites for Basant in Pakistan. (2018).
(online). from: https://www.ravimagazine.com/different-kinds-of-ki
tes-for-basant-in-pakistan/. [2022/9/16].
អាំង ជូលាន. (2017). ខ្លែងឯក. (online). យសោធរ ផ្សព្វផ្សាយវប្បធម៌ខ្មែរ (Yosothor for khmer cultures) from:
https://www.yosothor.org/publications/khm er-
renaissance/chapter-seven/klaeng-ek.html .
সানজিদা রুমি. (2018). পৌষ সংক্রান্তি পুরনো ঢাকার এক ঐতিহ্যবাহী ঘুঁড়ি উড়ানোর উৎসব. (online). আলোক রেখা দীপ্ত প্রজ্ঞার অ ন্বেষণে. from: https://www.alokrekha.com/2016/12/blog-post_
19.html.
วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2565
มัทนะพาธา สำนวนชาวคริสต์ "นางทาสแห่งพระเจ้ากับกำเนิดของดอกกุหลาบ"
ที่มา https://www.pinterest.com/pin/470696598530671408/
Nay EDITH! spare the rose!—it lives—it lives, |
ไม่แต่ง! แฝงกุหลาบ! มีชีพชีวีศรี |
It feels the noon-tide sun, and drinks refresh'd |
แสงสุรีย์ สบเที่ยงเคียง เครื่องดื่มได้สดใส |
The dews of night; let not thy gentle hand |
น้ำค้างร้างราตรี; จับมือละมุน อย่ามีไจ |
Tear sunder its life-fibres and destroy |
น้ำตาสลายเส้นใยแห่งชีวิตแล้วมลาย |
The sense of being!—why that infidel smile? |
สัมผัสพร้อมเพื่อมีชีวิต! รอยยิ้มนั้นไม่จริงใจฤาไฉน? |
Come, I will bribe thee to be merciful, |
มาข้ามอบ ส่วยเจ้าใจ เมตตาจำหน่าย |
And thou shall have a tale of other times, |
แจ้งเรื่องราว เรากาลอื่น เจ้ากระจาย |
For I am skill'd in legendary lore, |
เพราะข้าพร้อม เพียรทักษะ นิทาน นา ๆ |
So thou wilt let it live. There was a time |
ควรเจ้าจะคลาย ชีวายเพ็ญ เพลาชื่น |
Ere this, the freshest sweetest flower that blooms, |
ก่อนดอกรื่น รสหวาน บานสะพรั่งผา |
Bedeck'd the bowers of earth. Thou hast not heard |
ควรประดับ แดนโลกแล้ว ลืมฟังฤา |
How first by miracle its fragrant leaves |
แรกเราอัศจรรย์ อันหอมหวน แห่งพฤกษ์ใบ |
Spread to the sun their blushing loveliness. |
แผ่รักร้อน ล้วนผองสู สู่สูรย์แสง |
There dwelt at Bethlehem a Jewish maid |
เมื่อเบธเลเฮม ยิวสาวใช้ เมืองแสดง |
And Zillah was her name, so passing fair |
ชื่อซิลลาห์ ล่ะสิเธอ เผลอหลงใจ |
That all Judea spake the damsel's praise. |
ลูกยูดาห์ ได้สรรเสริญศรีทาสี |
He who had seen her eyes' dark radiance |
เขามองนี่ เนตรมืดมิด แม่สาวใช้ |
How quick it spake the soul, and what a soul |
สุดวิญญาณ ปราณประสาท เร็วอย่างไร |
Beam'd in its mild effulgence, woe was he! |
เขาพิบัติรัก รอยยิ้มหล่อน อ่อนโยนดี! |
For not in solitude, for not in crowds, |
เพราะใช่ ต่างลำพัง ใช่ชนกลางหน |
Might he escape remembrance, or avoid |
เขามิอาจขลาด จำทน ทุกหลบลี้ |
Her imaged form that followed every where, |
รูปแม่งาม ตามปองปลุก ทุกแห่งที่ |
And fill'd the heart, and fix'd the absent eye. |
จิตเติมเต็ม จิตใจรักษ์ ปักนัยนา |
Woe was he, for her bosom own'd no love |
เขาพิบัติ! ขัดใจนาง ร้างรักเศร้า |
Save the strong ardours of religious zeal, |
ใจร้อนเร้า แรงกล้า แก่ศาสนา |
For Zillah on her God had centered all |
เพราะพระเจ้า จริงสิ่งสรรพ สุดซิลล่าห์ |
Her spirit's deep affections. So for her |
อานิสงส์ สืบวิญญาณ ปราณเพื่อเธอ |
Her tribes-men sigh'd in vain, yet reverenced |
คนของเธอ ถอนใจไร้ค่า เคารพนัก |
The obdurate virtue that destroyed their hopes. |
ธัมมารักษ์ ธรรมเนียมมั่น หมดหมายเพ้อ |
One man there was, a vain and wretched man, |
ชายคนหนึ่ง ซึ่งไร้ค่า น่าสังเวชเนอ |
Who saw, desired, despair'd, and hated her. |
ผู้เห็นหวัง สิ้นหวัง สาปศรีนาง |
His sensual eye had gloated on her cheek |
เนตรเขาเยิ้ม ยลอยู่ แก้มนางรู้ |
Even till the flush of angry modesty |
จนจิตตู่ ตนใจถ่อม ถมเคืองค้าง |
Gave it new charms, and made him gloat the more. |
ตัณหาเต็ม เติมสุขเอา เขาให้เครื่องราง |
She loath'd the man, for Hamuel's eye was bold, |
เธอชังชาย ชั่งอุกอาจ ตา-ฮามูเอล |
And the strong workings of brute selfishness |
เห็นแต่ชั่ว เห็นแก่ตัว ทั่วโหดร้าย |
Had moulded his broad features; and she fear'd |
เขาชั่วล้วน เธอกลัวแล้ว ดีแหลกเหลว |
The bitterness of wounded vanity |
ขมขื่นจินต์ สิ้นสาระ จะเจ็บเลว |
That with a fiendish hue would overcast |
ด้วยดุร้าย ร่วมชีวิต ชีพมืดมล |
His faint and lying smile. Nor vain her fear, |
แลรอยยิ้ม ลืมคำลวง ไม่หวั่นไหว |
For Hamuel vowed revenge and laid a plot |
ฮามูเอลแผน แก้แค้นใคร่ เคืองสับสน |
Against her virgin fame. He spread abroad |
สลายชื่อ สิ้นบริสุทธิ์ ส่งลือกล |
Whispers that travel fast, and ill reports |
เร็วกระซิบ ป่วยฉิบหาย ขายข่าวกา |
That soon obtain belief; that Zillah's eye |
ความเชื่อเช่น ชนลือมา ตาซิลลาห์เห็น |
When in the temple heaven-ward it was rais'd |
เมื่ออยู่เป็น โบสถ์ฟ้ารักษ์ รักยิ่งบ้า |
Did swim with rapturous zeal, but there were those |
ว่ายวนโลภ โมหะอ้าง บ้างคาใจจาก์ |
Who had beheld the enthusiast's melting glance |
เพราะแววตา พาละลาย อายหลงใจ |
With other feelings fill'd; that 'twas a task |
อื่นรู้สึก ไม่เติมเต็ม ต่างหนีหาย |
Of easy sort to play the saint by day |
เล่นมักง่าย งานนักบุญ เบื้องกาลใกล้ |
Before the public eye, but that all eyes |
ก่อนตาคน ตาแห่งชน ทุกหนไป |
Were closed at night; that Zillah's life was foul, |
เสร็จสิ้น ยามค่ำย้ำ ซิลลาห์โทษ |
Yea forfeit to the law. |
แท้แล้วนาง จำนนต่อ จารีตผิด |
Shame—shame to man |
วิปริต ผิดอัปยศ ยอดมนุษย์โหด |
That he should trust so easily the tongue |
ชายชั่ว มั่วใช้ลิ้น ลือง่ายโคตร |
That stabs another's fame! the ill report |
แทงทำลาย ขายคนอื่น! ยื่นข่าวกา |
Was heard, repeated, and believed,—and soon, |
ยินพลันพูด ซ้ำซื่อเชื่อ—ใช่ว่าไหน |
For Hamuel by most damned artifice |
ฝ่ายฮามูเอล อ้างเล่ห์ให้ เหี้ยมสาปฆ่า |
Produced such semblances of guilt, the Maid |
ให้ทาสี มีผิดบาป สาปสำนึกมา |
Was judged to shameful death. |
นางถูกให้ ประหารชีวิต ชีพละอาย |
Without the walls |
ไร้กำแพง |
There was a barren field; a place abhorr'd, |
มีทุ่งแห้ง แล้งรังเกียจ |
For it was there where wretched criminals |
เพราะเพนียดนี้ มีแต่ชั่ว บุญบัวสลาย |
Were done to die; and there they built the stake, |
ที่นั่นพวกเขา สร้างเสา เผาเธอให้ตาย |
And piled the fuel round, that should consume |
ทั้งก่อเพลิง กองรอบ ที่ขอบชิด |
The accused Maid, abandon'd, as it seem'd, |
ทาสีเท็จโทษ แท้ดูดุจ ดังทิ้งเศร้า |
By God and man. The assembled Bethlemites |
เบธเลเฮมเรา รวมพร้อมกัน นั้นเพราะพระฤทธิ์ |
Beheld the scene, and when they saw the Maid |
เห็นเหตุเกิด เห็นทาสีสนิท |
Bound to the stake, with what calm holiness |
ผูกแล้วพัก หลักศักดิ์สิทธิ์ นิ่งสงบ |
She lifted up her patient looks to Heaven, |
ทาสี อุตส่าห์มอง ส่องสวรรค์ |
They doubted of her guilt. With other thoughts |
ต่างสงสัย โทษนางนั้น บ้างคิดลบ |
Stood Hamuel near the pile, him savage joy |
เหี้ยมฮามูเอล มองฟืนใกล้ ไหม้สุขจบ |
Led thitherward, but now within his heart |
ในภายใน หัวใจเขา ใช่ที่ใด |
Unwonted feelings stirr'd, and the first pangs |
ความรู้สึก ตกผลึกใจ แรกเจ็บช้ำ |
Of wakening guilt, anticipating Hell. |
ตื่นผิดซ้ำ ตื่นตระหนก นึกนรกไหน. |
The eye of Zillah as it glanced around |
ข้างสายตา ของซิลลาห์ แลมองไป |
Fell on the murderer once, but not in wrath; |
แล้วเพชฌฆาต ก็ล้มเหลว ใช่ด้วยโกรธ |
And therefore like a dagger it had fallen, |
ที่ร่วงหล่น ลงมา เหมือนกริชร้าย |
Had struck into his soul a cureless wound. |
บาดวิญญาณ นานไม่หาย บาดแผลโหด |
Conscience! thou God within us! not in the hour |
มโนธรรม! พระเจ้าในเรา! ไม่ในกาลโปรด |
Of triumph, dost thou spare the guilty wretch, |
แห่งชัยชนะ ทรงละเว้น เศษเดนคน |
Not in the hour of infamy and death |
ไม่ในกาล พาลอัปยศ ตายสลด |
Forsake the virtuous! they draw near the stake— |
ทิ้งนักพรต! พวกเขาเข้า ใกล้เสาสับสน— |
And lo! the torch! hold hold your erring hands! |
แลจริง! จับคบไฟ! ไว้มือผิดตน! |
Yet quench the rising flames!—they rise! they spread! |
ไฟลุกโชน!—ช่วยดับใคร ใกล้เลยลา! |
They reach the suffering Maid! oh God protect |
ต่างหานางร้อน วอนพระรักษ์ |
The innocent one! |
พิสุทธิ์ศรี! |
They rose, they spread, they raged— |
เกิดกุหลาบ ลาร้างราคี ทุกทิศา— |
The breath of God went forth; the ascending fire |
แลลมปราณ ญาณพระเจ้า จบไฟนา |
Beneath its influence bent, and all its flames |
ด้วยฤทธานุภาพ บำราบ เพลิงสยบ |
In one long lightning flash collecting fierce, |
เมื่อฟ้าผ่า น่ากลัวเทียบ ทัณฑ์สวรรค์ |
Darted and blasted Hamuel—him alone. |
ผ่าเอกา ฮามูเอล—ไม่อาจหลบ |
Hark—what a fearful scream the multitude |
เสียง—ฝูงชน คนกรีดร้อง ร่างถูกอบ |
Pour forth!—and yet more miracles! the stake |
ดำเนินไป!—ปาฏิหาริย์ นานมากมาย! |
Buds out, and spreads its light green leaves and bowers |
กุหลาบแตกหน่อ ก่อใบเขียว เกี่ยวลดาชี้ |
The innocent Maid, and roses bloom around, |
วิสุทธิ์ทาสี สวยกุหลาบ กลีบขยาย |
Now first beheld since Paradise was lost, |
เห็นอีกครั้ง หลังสวนสวรรค์ สูญมลาย |
And fill with Eden odours all the air. |
เติมกลิ่นดิน แดนอีเดน เต็มนภา |
A Jewish maid of Bethlehem (whom Southey names Zillah) was beloved by one Ham’uel, a brutish sot. Zillah rejected his suit, and Hamuel vowed vengeance. He gave out that Zillah was a demoniac, and she was condemned to be burnt; but God averted the flames, the stake budded, and the maid stood unharmed under a rose-tree full of white and red roses, then “first seen on earth since Paradise was lost.
หญิงรับใช้ชาวยิวในเมืองเบธเลเฮม (ซึ่งเซาเธย์ผู้แต่งบทกวีตั้งชื่อว่า ซิลลาห์ Zillah) เป็นที่รักของฮามอูเอล คนขี้เหล้าผู้โหดเหี้ยม ซิลลาห์ปฏิเสธคำร้องขอความรักของเขา และฮามูเอลสาบานว่าจะล้างแค้น เขากล่าวหาว่า ซิลลาห์เป็นปีศาจ และเธอถูกตัดสินให้ถูกเผา (ด้วยไฟ) แต่พระเจ้าได้ทรงดับเปลวเพลิง เสา (ที่ผูกเธอไว้) แตกออก และหญิงรับใช้ก็ยืนอยู่ใต้ต้นกุหลาบที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวและสีแดงโดยไม่เป็นอันตราย แล้ว “ (นี้เป็นการ) พบเห็นครั้งแรกบนโลกตั้งแต่ที่ (กุหลาบเหล่านั้น) หายไปในสวนสวรรค์ (แห่งอีเดน)”
บทกวีของเซาเธย์นี้น่าจะมีที่มาจากเรื่อง Voiage and Travails ของ Sir John Mandeville บทที่ 9 (IX) หัวข้อย่อยเรื่อง How rose came first into the world p. (หน้า) 46-47
From Hebron men go to Bethlehem in half a day, for it is but five mile; and it is full fair way, by plains and woods full delectable. Bethlehem is a little city, long and narrow and well walled, and in each side enclosed with good ditches : and it was wont to be dept Ephrata, as holy writ saith, Ecce, audivimus eum in Eplzrata, that is to say, ' Lo, we heard him in Ephrata.' And toward the east end of the city is a full fair church and a gracious, and it hath many towers, pinacles and corners, full strong and curiously made ; and within that church be forty-four pillars of marble, great and fair.
จากเมืองเฮโบรนคนทั้งหลายไปเบธเลเฮมในครึ่งวัน เพราะมันอยู่ห่างออกไปเพียงห้าไมล์ และเป็นเส้นทางที่ดีเพราะมีที่ราบที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์และต้นไม้ (ที่ร่มรื่น) เบธเลเฮมเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีเส้นทางทั้งยาวและแคบ มีกำแพงล้อมรอบอย่างดี และในแต่ละด้าน (ของเมือง) มีคูน้ำที่ดีล้อมรอบ และมันก็เคยเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นดินแดนที่อยู่ลึกแห่งมหานครเอฟราตา (ในอดีต) ดังที่พระกฤษฎีกา (แห่งพระเจ้า) กล่าวไว้ว่า “ เอกเซ อาดิวิมุส อิวมิน เอฟราตา Ecce, audivimus eum in Eplzrata แปลว่า ดูเถิด เราได้ยินพระองค์ในเอฟราตา” และไปทางทิศตะวันออกของเมืองเป็นโบสถ์ที่สวยงามและสง่างาม และมีหอคอย ยอดแหลมและมุมต่างๆ มากมาย สร้างขึ้นอย่างแข็งแกร่งและน่าพิศวง และภายในโบสถ์นั้นมีเสาหินอ่อนสี่สิบสี่เสาที่ยิ่งใหญ่และวิจิตรงดงาม
และระหว่างเมืองกับโบสถ์คือทุ่งฟลอริดัส (Floridus) กล่าวคือ 'ทุ่ง (แห่งพระเจ้า) อันรุ่งเรือง' เพราะเหตุว่ามีสาวงามผู้บริสุทธิ์ (ผู้หนึ่ง) ถูกกล่าวหาว่าทำผิด และยังถูกใส่ร้ายว่าเธอได้ล่วงประเวณี (ชิงสุกก่อนห่าม)อีกด้วย เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้เธอถูกตัดสินประหารชีวิตโดยให้ใช้ไฟเผาเสีย ณ ที่ซึ่งเธอถูกนำไปนั้น เมื่อไฟเริ่มแผดเผาเธอ เธอได้อธิษฐานต่อพระเจ้าของพวกเราว่า “เธอไม่มีความผิดในบาปนั้นฉันใด เช่นเดี่ยวกับการที่พระองค์จะทรงช่วยเธอฉันนั้น นี้จะทำให้มนุษย์ทุกคนรู้ถึงพระคุณอันเมตตาของพระองค์” . เมื่อเธอกล่าวอย่างเฉียบแหลมเช่นนี้แล้ว เธอก็เข้าไปในกองไฟและด้วยเหตุนี้ไฟก็ดับลงแล้วถ่านไฟทั้งหลายที่เผาไหม้ได้กลายเป็นต้นกุหลาบแดง ส่วนถ่านไฟที่ไม่ได้จุดติดไฟก็กลายเป็นต้นกุหลาบขาว ที่นั้นเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ และนี่คือต้นกุหลาบและดอกกุหลาบต้นแรก ที่มีทั้งสีขาวและสีแดง ที่คนทั้งหลายพึงได้เคยเห็น เหตุนี้หญิงสาวคนนี้จึงได้รับความรอดปลอดภัยโดยพระคุณของพระเจ้า และด้วยเหตุนี้เองที่ทุ่งแห่งพระเจ้าจึงเฟื่องฟู (ฟลอริดัส : Floridus) เพราะมีดอกกุหลาบอยู่เต็มไปหมด
................................
โครงดั้นวิวิธมาลี เรื่อง กำเนิดกุหลาบของนางซิลลาห์
๐ เบธลาเฮมลือเรื่องร้าย.......ซิลลาห์ นางนา
เพียงเพราะอามูเอล...........รักล้า
นักเลงล่อนักสิทธา.............สาระ เลวแล
ชนเชื่อชายค้าเค้า..............ข่าวกา
๐ ฟลอริดัสทุ่งท้าย................ผูกเสา เผาเฮย
เพี้ยนรักอัสนีพา....................พุ่งฟ้า
เพียงฟาดผ่าผิดเขา...............ปรภพ นรกนา
พลันดับเพลิงกล้าเจ้า……….เป่าปราณ
๐ ทาสซิลลาห์ลักษณ์นี้...........บริสุทธิ์ ศรีแฮ
ไฟกุหลาบแดงฉาน.................กลิ่นฟุ้ง
ฟืนไฟขาดขาวผุด…… ……..ผ่องดอก
ดุจดั่งเอเดนยุ้งเหย้า................เสกสวรรค์