วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2564

เทศกาลนวราตรีทั้ง 4 ประจำฤดูกาลของอินเดีย

 


รูป การเต้นทัณฑิยาในเทศกาลนวราตรี

เทศกาลนวราตรีทั้ง 4

นวราตรีจะมีปีละ 4 ครั้ง คือ

1.จิตรา นวราตรี หรือ วสันต นวราตรี หรือ รามะ นวราตรี (วันที่ 9 เป็นวันเกิดพระราม) นี้มีการเฉลิมฉลองในช่วง ฤดูใบไม้ผลิ วสันตฤดู  (จุดเริ่มต้นของฤดูร้อน) (มีนาคมถึงเมษายน) นี้เป็นที่รู้จักกัน ในชื่อ จิตรา นวราตรี  จะตกอยู่ในช่วงเดือน จิตรามาส

2.อาสาฬหะ นวราตรี  เรียกกันว่า  อาสาฬหะ คุปตะ นวราตรี เป็นพิธีจัดขึ้นเก้าวันเพื่อบูชาถวายแด่ เทพีศักติทั้ง 9 ปาง ในเดือน อาสาฬหะมาส วัสสานฤดู /วรฺษาฤดู ฤดูฝน (เดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม)

3.สารทะ นวราตรี (ศารทิยะ นวราตรี) เป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของเทศกาลนวราตรี (มหานวราตรี) และมีการเฉลิมฉลองในขึ้น 1 ค่ำของเดือนอัศวินีมาส  เป็นการเฉลิมฉลองในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหลังพายุ สารทฤดู/ศรทฤดู (จุดเริ่มต้นของฤดูหนาว, กันยายนตุลาคม) สารทฤดู เป็นช่วงที่ดาวจระเข้เห็นเด่นชัดในกลางท้องฟ้ามากที่สุด ขณะที่ช่วงไตปูซัมเป็นช่วงที่เห็นดาวกฤติกากลางท้องฟ้าเด่นชัดที่สุด

4.มาฆะ นวราตรี หรือ มาฆะ คุปตะ นวราตรี เป็นพิธีเก้าวันที่บูชาศักติเทวีทั้ง 9ปาง ในเดือนมาฆะมาส ฤดูหมอกน้ำค้าง สิสิรฤดู/ศีตฤดู (เดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์)

เทศกาลนวราตรีที่สำคัญที่สุดมีการเต้นรำฉลองทั้งเมืองคือ “สารทะ นวราตรี” จึงเรียกอีกอย่างว่า “มหานวราตรี” ส่วนใหญ่จะตรงกับเทศกาลกินเจของชาวไทยเชื้อสายจีน อาจจะคลาดเคลื่อนต่างวันกันบ้างเหมือชาวไทยเชื้อสายจีนและแขกที่ชุมชนจีนในประเทศไทยตั้งใจจะจัดงานไม่ให้ตรงกัน แม้ว่าจะใช้หลักจันทรคติเดียวกัน

เป็นเรื่องหน้าสนใจว่าการฉลองเทศกาลนวราตรีทั้ง 4 ของอินเดีย (เดิมอาจจะมี 5 หรือ 6) เป็นเทศกาลฉลองการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลของอินเดียที่มีการเปลี่ยนแปลงของวันคืนที่อาจจะไม่เท่ากัน และน่าจะเกี่ยวกับ วันเหมายัน วันวสันตวิษุวัต วันครีษมายัน และวันศารทวิษุวัต โดยเฉพาะเทศกาล สารทะ นวราตรีจะเป็นวันสิ้นสุดหรือวันถัดมาจากเทศกาลสารท 16 วันของอินเดียที่เรียกว่า “ปิตฤ ปักษะ” पितृ पक्ष หรือ “ปิตะระ ปะขะ” पितर पख เป็นวันระลึกถึงและทำบุญให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ แต่ในรัฐเบงกาลีถือว่าวันแรกของนวราตรีเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสารทของอินเดียเรียกว่า “มหาลย ปักษะ” 'महालय पक्ष' โดยพิธีสารททำบุญให้บรรบุรุษเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ไม่มีงานรื่นเริง 16 วัน ตามความเชื่อว่าดวงวิญญาณของบรรพชนจะถูกพระยายมนำไปสู่ปิตฤโลก ถ้าไม่ได้บรรลุธรรมหรือไปสู่โมกษะ แล้วพอถึงช่วงเวลาที่ พระอาทิตย์เคลื่อนไปสู่ราศีกันย์ ก่อนที่เคลื่อนไปสู่ราศีตุลย์ หรือพิจิก ก็จะเป็นช่วงเวลา 16 วันก่อนการสิ้นสุดเทศกาลสารทของอินเดียและเริ่มเทศกาลนวราตรีซึ่งเป็นเทศกาลบูชาเจ้าแม่ทุรคาเทวี เจ้าแม่ศักติต่าง ๆ และลูกของพระองค์ เดิมคงเป็นการฉลองรื่นเริงหลังจากสิ้นสุดพิธีสารทที่เป็นงานส่วนตัวของแต่ละครอบครัวเงียบมากกว่า ก่อนที่จะกลายเป็นงานถือศีลกินมังสวิรัติบูชาพระเจ้าเพราะได้อิทธิพลจากศาสนาไชนะและพุทธศาสนา

……………………………….


รูปการเคลื่อนที่พระอาทิตย์ของสถบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (องค์กรมหาขน) 

วันเหมายัน วันวสันตวิษุวัต วันครีษมายัน และวันศารทวิษุวัต

               วันเหมายัน (Winter Solstice) ประมาณวันที่ 20 - 21 ธันวาคม  โลกหันซีกโลกใต้เข้าหาดวงอาทิตย์  ทำให้เรามองเห็นดวงอาทิตย์อยู่ค่อนไปทางทิศใต้ (Dec -23.5°) ซีกโลกเหนือเป็นฤดูหนาว ดวงอาทิตย์ขึ้นช้าตกเร็ว เวลากลางวันสั้นกว่ากลางคืน โลกจึงได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์น้อยที่สุด  ต้นไม้ในเขตละติจูดสูงทิ้งใบหมด เนื่องจากพลังงานแสงแดดไม่พอสำหรับการสังเคราะห์แสง 

          วันวสันตวิษุวัต (Vernal Equinox)  ประมาณวันที่ 20 - 21 มีนาคม เป็น ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงทิศตะวันออกและตกตรงทิศตะวันตกพอดี กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน ซีกโลกเหนือเป็นฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์มากขึ้นเมื่อเทียบกับฤดูหนาว ต้นไม้ผลิใบออกมาเพื่อสังเคราะห์แสงผลิตอาหาร  

วันครีษมายัน (Summer Solstice) ประมาณวันที่ 20 - 21 มิถุนายน โลกหันซีกโลกเหนือเข้าหาดวงอาทิตย์  ทำให้เรามองเห็นดวงอาทิตย์อยู่ค่อนไปทางทิศเหนือ (Dec +23.5°) ดวงอาทิตย์ขึ้นเร็วตกช้า เวลากลางวันยาวกว่ากลางคืน ซีกโลกเหนือเป็นฤดูร้อน 

          วันศารทวิษุวัต (Autumnal Equinox) ประมาณวันที่ 22 - 23 กันยายน ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงทิศตะวันออกและตกตรงทิศตะวันตกพอดี กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน ซีกโลกเหนือเป็นฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ลดลงเมื่อเทียบกับฤดูร้อน ต้นไม้จึงผลัดใบทิ้ง 

รูปฤดูกาลของอินเดีย
ที่มา https://www.wegointer.com/2019/07/16-reasons-india-is-like-another-planet/

ฤดูกาลของอินเดีย

 ฤดูกาลของอินเดียโบราณแบ่งได้เป็น 6 ฤดู ได้แก่

1. เหมันตฤตุ (เห-มัน-ตะ-รึ-ตุ) /ศีตฤตุ (สี-ตะ-รึ-ตุ) คือ ฤดูหนาว กลางตุลาคม-ธันวาคม

2. สิสิรฤตุ (สิ-สิ-ระ-รึ-ตุ) คือ ฤดูหนาวตอนปลายที่หิมะเริ่มละลาย บางเรียกว่าฤดูหมอกน้ำค้าง มกราคม-กุมภาพันธ์

3. วสันตฤตุ (วะ-สัน-ตะ-รึ-ตุ) คือ ฤดูใบไม้ผลิ มีนาคม หรือกลางกุมภาพันธ์ – เมษายน

4. คิมหันตฤตุ (คิม-หัน-ตะ-รึ-ตุ) / คฺรีษฺมฤตุ (ครีซ-มะ-รึ-ตุ) คือ ฤดูร้อน เมษายน-พฤษภาคม หรือกลางมิถุนายน

5. วัสสานฤตุ (วัด-สา-นะ-รึ-ตุ) /วรฺษาฤตุ (วัร-ซา-รึ-ตุ) คือ ฤดูฝน มิถุนายน-สิงหาคมหรือกันยายน

6. สารทฤตุ (สา-ระ-ดะ-รึ-ตุ) /ศรทฤตุ (ซะ-ระ-ดะ-รึ-ตุ) คือ ฤดูใบไม้ร่วง กลางสิงหาคม-กันยายน

ฤดูกาลของอินเดียเหนือปัจจุบันแบ่งได้ 4 ฤดู ได้แก่

1. สิสิรฤดู/ศีตฤดู คือ ฤดูหนาว (เดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์)

2. คิมหันตฤดู / คฺรีษฺมฤดู  คือ ฤดูร้อน(มีนาคม-พฤษภาคม)

3. วัสสานฤดู /วรฺษาฤดู คือ ฤดูฝน (เดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม)

4. สารทฤดู/ศรทฤดู คือ ฤดูใบไม้ร่วง (จุดเริ่มต้นของฤดูหนาว, กันยายนตุลาคม)

ส่วนห้าแคว้นอินเดียใต้มีฤดูกาลสามฤดูกาลเหมือนประเทศไทยเนื่องจากอยู่ในระยะห่างจากเส้นศูนย์สูตรพอ ๆ กัน เฉพาะรัฐทมิฬนาฑูปัจจุบันมีหน้าฝนจะอยู่ในช่วงเดือนไตปูซัม หรือช่วงกลางเดือนธันวาคมตอนปลายกับกลางต้นเดือนมกราคมตอนต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น