จาก หนังสือนิทานแฟรี่ของตุรกี 44 เรื่องของอิคนาจ์ซ กูโนส
(Forty-four Turkish Fairy Tales of Ignácz Kúnos. online)
ที่มา : https://www.sacred-texts.com/asia/ftft/ftft07.htmผู้แปล เอ็ม. รุทรกุลThe Rose – Beauly (กุหลาบงาม)
ในสมัยโบราณ
เมื่ออูฐเป็นพ่อค้าม้า หนูเป็นช่างตัดผม นกกาเหว่าเป็นช่างตัดเสื้อ
เต่าเป็นคนทำขนมปัง และลายังคงเป็นคนรับใช้ มีโรงสีที่มีแมวดำอยู่ตัวหนึ่ง
นอกจากเจ้าของโรงสีนี้แล้ว ยังมีท้าวปาดิชาห์ (ผู้ปกครองสูงสุดแห่งเปอร์เซีย
บางครั้งเรียกสั้น ๆ ว่า ชาห์ ใช้กับจักรพรรดิไปจนถึงเจ้าชายผู้น้อยในราชวงศ์) องค์หนึ่งซึ่งมีพระธิดาสามคน
อายุสี่สิบ สามสิบ และยี่สิบปีตามลำดับ พระธิดาคนโตไปหาพระธิดาน้องคนสุดท้องและให้นางเขียนจดหมายถึงพระบิดาในเงื่อนไขดังนี้:
"Dear father, one of my sisters is forty,
the other thirty, and they have not yet married. Take notice that I will not
wait so long before I get a husband."
“พระบิดาที่รัก เชษฐาภคินีของกระหม่อมฉันคนหนึ่งอายุสี่สิบ อีกคนสามสิบคน
และพวกพระองค์ยังไม่ได้แต่งงาน สังเกตว่า กระหม่อมจะไม่รอนานก่อนที่จะได้สามี ?”
The Padishah on reading the letter sent for his daughters and thus
addressed them: "Here are a bow and arrow for each of you; go and shoot,
and wherever your arrows fall, there you will find your future husbands."
ท้าวปาดิชาห์ อ่านแล้วส่งจดหมายถึงลูกสาวของพระองค์
และพระองค์ได้เขียนบอกพวกเขาว่า: "ที่นี่มีคันธนูและลูกธนูสำหรับพวกเจ้าแต่ละคน
ไปและยิง เมื่อลูกศรของเจ้าตกที่ใด เจ้าจะพบสวามีในอนาคตของเจ้าที่นั่น"
Taking the weapons from their father, the three maidens went
forth. The eldest shot first, and her arrow fell in the palace of the Vezir's
son; she was accordingly united to him. The second daughter's arrow fell in the
palace of the son of the Sheikh-ul-Islam, and him she got for a husband. When
the youngest shot, however, her arrow fell into the hut of a wood-cutter.
"That doesn't count," cried everybody; and she shot again. The second
time the arrow fell in the same spot; and a third attempt met no better
success.
ทั้งสามพระธิดาก็ออกไปรับอาวุธจากพระบิดา
พระธิดาคนโตยิงก่อน และลูกธนูของพระนางก็ตกลงไปในวังของบุตรชายของราชมนตรี (Vezir) พระนางจึงได้เป็นหนึ่งเดียวกับเขา (ได้เป็นสามีภรรยากัน)
ลูกธนูของพระธิดาคนที่สองตกในวังของบุตรชายของมหาปราชญ์อาวุโส (ชีคอุลอิสลาม/เชค อัล-อิสลาม หมายถึงผู้อาวุโสแห่งอิสลาม) และพระนางจึงได้เขาเป็นสามี
เมื่อพระธิดาคนสุดท้องยิง ลูกธนูของพระนางก็ตกลงไปในกระท่อมของคนตัดฟืน
“นั่นไม่นับ”
ทุกคนร้อง ดังนั้นพระนางก็ยิงอีกครั้ง ครั้งที่สองที่ลูกศรยังคงไปตกที่เดิม และแม้พยายามครั้งที่สามก็ไม่ประสบความสำเร็จ
The Shah was wrathful with his daughter on account of her letter,
and exclaimed: "you foolish creature, that serves you right. Your elder
sisters have waited patiently and are rewarded. You, the youngest, have dared
to write me that impertinent letter: you are justly punished. Take your
woodcutter and be off with you." So the poor girl left her father's palace
to be the wife of the woodcutter.
พระเจ้าชาห์ทรงพระพิโรธต่อธิดาของพระองค์เพราะจดหมายของนาง
และตรัสว่า “เจ้าคนโง่ สมน้ำหน้าเจ้า (that
serves you right เป็นสำนวน) เชษฐาภคินีของเจ้าได้อดทนรอและได้รางวัลตอบแทน
เจ้าน้องคนสุดท้องกล้านักที่จะเขียนจดหมายไร้สาระนั้นมาให้ข้า: เจ้าถูกลงโทษแล้วอย่างยุติธรรม
เอาคนตัดฟืนของเจ้าออกไปพร้อมกับเจ้า” หญิงสาวผู้ยากไร้จึงละวังของพระบิดาไปเป็นภรรยาคนตัดฟืน
ภาพรจนากับพระสังข์สวมรูปเงาะของศิลปิน จักรพันธุ์ โปษยกฤต
In the course of time a
beautiful girl-baby was born to them. The wood-cutter's wife bitterly lamented
the fact that her child must have so poor a home, but even while she wept three
wonderful fairies stepped through the wall of the hut into the dismal room
where the child lay. Standing by her cot, each in turn stretched out a hand
over the sleeping infant.
ในช่วงเวลาหนึ่ง
เด็กสาวแสนสวยได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อพวกเขา
ภรรยาของคนตัดฟืน (อดีตพระธิดาคนที่ 3) คร่ำครวญอย่างขมขื่นว่าลูกของนางต้องมีบ้านที่ยากจนนัก
แต่แม้ในขณะที่นางร้องไห้ ได้มีนางฟ้าแสนวิเศษสามตนเดินผ่านกำแพงกระท่อมเข้าไปในห้องที่เด็กทารกนอนอยู่
ยืนข้างเตียงของเธอ แต่ละคนก็ยื่นมือออกไปเหนือทารกที่กำลังหลับอยู่
Said the first fairy:
"Rose-Beauty shall she be called; and instead of tears, pearls shall she
shed."
นางฟ้าองค์แรกกล่าวว่า
"นางจะถูกเรียกว่า “กุหลาบงาม และ
ไข่มุกจะหลั่งรินแทนน้ำตา "
Said the second fairy:
"When she smiles, roses shall blossom." Said the third:
"Wherever her foot falls shall grass spring up!" Then the three
disappeared as they had come.
นางฟ้าตนที่สองกล่าวว่า:
"เมื่อเธอยิ้ม ดอกกุหลาบจะผลิบาน"
(นางฟ้า) ตนที่สามพูดว่า:
"เท้าของเธออยู่ที่ไหน หญ้าก็จะผุดขึ้นมา!"
จากนั้นทั้งสามก็หายไปตามที่พวกเขามา
นางฟ้าทั้งสามจากเรื่องสลีปปิงบิวตี้การ์ตูนดีสนีย์
ที่มา : https://www.pinterest.com/pin/197947346098007022/
Years passed away. The
child grew and attained her twelfth year, developing such loveliness as none
had ever seen before. To gaze once upon her was to be filled with love for her.
When she smiled roses blossomed; when she wept pearls fell from her eyes, and
grass grew wherever her feet trod. The fame of her beauty spread far and wide.
หลายปีผ่านไป เด็กคนนี้เติบโตจนถึงปีที่สิบสองของนาง
ความน่ารักอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนพัฒนามากขึ้น เมื่อเฝ้ามองดูนางก็เปี่ยมด้วยรัก
เมื่อนางยิ้ม ดอกกุหลาบก็เบ่งบาน เมื่อนางร้องไห้ ไข่มุกก็ร่วงหล่นจากตาของนาง และหญ้าก็งอกขึ้นทุกที่ที่เท้าของนางเหยียบย่ำ
ชื่อเสียงความงามของนางเผยแผ่โด่งดังไปทั่ว
The mother of a certain
Prince heard of Rose-Beauty and resolved that this maiden and no other should
become her son's bride. She called her son to her and told him that in the town
was a maiden who smiled roses, wept pearls, and under whose feet grass grew; he
must see her.
พระมารดาของเจ้าชายองค์หนึ่งได้ยินเรื่องราวของ
กุหลาบงาม จึงตัดสินใจเลือกหญิงสาวคนนี้แหละ ส่วนคนอื่น ๆ ไม่เหมาะสมที่จะกลายเป็นเจ้าสาวของลูกชายของนาง
นางเรียกหาลูกชายของนางและบอกเขาว่าในเมืองนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งยิ้มให้ดอกกุหลาบ
ร้องไห้ให้ไข่มุก และหญ้าขึ้นอยู่ใต้เท้าของเธอ เขาต้องเห็นเธอ
The fairies had already
shown the maid to the Prince in a dream, and thus kindled in him the fire of
love; but before his mother he was shy and refused to seek the object of his
passion. The Sultana therefore insisted, and finally ordered a lady of the
palace to accompany him on his quest. They entered the hut, explained the
purpose of their visit, and in the name of Allah demanded the maiden for the
Shahzada. The poor people were overcome with joy at their good fortune; they
promised their daughter, and commenced preparations for her departure.
นางฟ้าได้แสดงให้เจ้าชายเห็นหญิงสาวในความฝันแล้ว
และด้วยเหตุนี้จึงจุดไฟแห่งความรักในใจของเขา ต่อหน้าแม่ของเขา เขาจึงเขินอายและปฏิเสธที่จะแสวงหาสิ่งที่เขาหลงใหล
พระสุลต่านจึงยืนกรานและในที่สุดก็บัญชาให้นางข้าหลวงติดตามเขาไปในภารกิจของเขา
พวกเขาเข้าไปในกระท่อม อธิบายจุดประสงค์ของการมาเยี่ยมเยียน และในนามของพระอัลลอฮ์ได้เรียกร้องให้หญิงสาวคนนี้
(กุหลาบงาม) เพื่อพระชาห์ซาดา (พระโอรสของพระเจ้าซาห์; น่าจะอีกเมืองหรือคนละองค์กับพระอัยกาของเจ้าหญิงกุหลาบงาม) ครอบครัวคนยากจนมีความสุขในความโชคดี พวกเขาสัญญากับลูกสาว และเริ่มเตรียมการสำหรับการเดินทางไปของเธอ
Now this palace-dame had
a daughter, who somewhat resembled the Rose-Beauty, and she was displeased that
the Prince should marry a poor girl instead of her own daughter. Accordingly
she concocted a scheme to deceive the people and bring about the Prince's marriage
to her own child. On the wedding-day she gave the woodcutter's daughter salt
food to eat, and took a jug of water and a large basket and put them in the
bridal coach wherein the Rose-Beauty, herself, and her daughter were about to
set out for the palace.
ในสมัยนั้นนางข้าหลวงมีลูกสาวคนหนึ่งซึ่งค่อนข้างคล้ายกับกุหลาบงามอยู่ในวังและนางไม่พอใจที่เจ้าชายจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ยากจนแทนที่จะเป็นลูกสาวของนางเอง
ดังนั้นนางจึงวางแผนหลอกลวงประชาชนและนำการแต่งงานของเจ้าชายมาให้กับลูกของเธอเอง ในวันแต่งงาน
นางให้ลูกสาวคนตัดฟืนกินอาหารที่เค็มจัด และใส่เหยือกน้ำและตะกร้าใบใหญ่ใส่ในรถส่งเจ้าสาว
ในขณะที่กุหลาบงาม และลูกสาวของนางกำลังจะออกเดินทางมาสู่พระราชวัง
On the way the maiden,
complaining of thirst, asked for a drink of water. The palace-dame answered:
"I shall give you no water unless you give me an eye in exchange."
Nearly dying of thirst, the maiden took out one of her eyes and gave it to the
cruel woman for a drink of water.
ระหว่างทางหญิงสาว
(กุหลาบงาม) บ่นว่ากระหายน้ำและขอน้ำดื่ม นาง (ลูกสาวของนางข้าหลวง) ตอบว่า:
"ฉันจะไม่ให้น้ำแก่คุณเว้นแต่ว่าคุณจะให้ดวงตาแก่ฉันเพื่อแลกเปลี่ยน" หญิงสาวคนนั้น
(กุหลาบงาม) แทบจะขาดน้ำตายแล้ว จึงยื่นตาข้างหนึ่งให้หญิงสาวผู้โหดร้ายเพื่อดื่มน้ำ
As they proceeded the
torments of thirst again overcame the poor maiden, and again she asked for
water. "I will give you drink, but only in exchange for your other
eye," answered the woman. So great was her agony that the victim yielded
her other eye. No sooner had the woman got it in her possession than she took
the now sightless Rose-Beauty, bound her in the basket, and had her carried to
the top of a mountain.
ขณะที่พวกเขา
(ทั้งนางข้าหลวงและลูกสาว) ดำเนินการเพื่อให้เกิดความกระหายน้ำอีกครั้งก็มีอำนาจเหนือหญิงสาวผู้น่าสงสาร
และเธอก็ขอน้ำอีกครั้ง “ฉันจะให้คุณดื่ม แต่เพื่อแลกกับดวงตาอีกข้างของคุณเท่านั้น”
ผู้หญิงคนนั้นตอบ ความทุกข์ทรมานของกุหลาบงามผู้เป็นเหยื่อยิ่งใหญ่มากจนยอมให้ตาอีกข้างหนึ่งของเธอไปในไม่ช้า
ในที่สุดนางข้าหลวงก็ได้ดวงตาของกุหลาบงามมาอยู่ในความครอบครองของนาง ดังนั้นในตอนนี้นางถึงมัดกุหลาบงามที่มองไม่เห็นไว้ในตะกร้าแล้วพาเธอขึ้นไปทิ้งไว้บนยอดเขา
The woman now hastened
to the palace and presented her daughter, clad in a gorgeous wedding garment,
to the Prince, saying: "Here is your bride," The marriage was
accordingly celebrated with great festivity; but when the Prince came to lift
his wife's veil he saw that she was not the one revealed to him in his dream. As,
however, she resembled the dream-bride somewhat, he held his peace.
จากนั้นนางข้าหลวงคนนั้นรีบไปที่วังและให้ลูกสาวของนางสวมชุดแต่งงานที่งดงามแล้วส่งมอบให้กับเจ้าชายพร้อมพูดว่า:
"นี่คือเจ้าสาวของคุณ" การแต่งงานจึงได้รับการเฉลิมฉลองด้วยงานรื่นเริงที่ยิ่งใหญ่
แต่เมื่อเจ้าชายเสด็จมาทรงเปิดผ้าคลุมพระมเหสีของพระองค์ พระองค์กลับทรงเห็นว่านางไม่ได้เป็นผู้ปรากฏต่อพระองค์ในความฝัน
อย่างไรก็ตามนางก็ดูคล้ายกับเจ้าสาวในฝันบ้าง พระองค์จึงนิ่งเงียบไป
The Prince knew that the
maiden of his dream wept pearls, smiled roses, and that the grass grew under
her feet; from this one, however, came neither pearls, roses, nor grass, He
suspected more than ever that he had been deceived, but "I will soon find
out" he thought to himself, and spoke no word on the subject to anyone.
เจ้าชายรู้ว่าหญิงสาวในความฝันของพระองค์ร้องไห้เป็นไข่มุก
ยิ้มแล้วกุหลาบบาน และหญ้าก็เติบโตอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเธอ อย่างไรก็ตามจากนี้ไม่มีไข่มุก
กุหลาบ หรือหญ้า พระองค์สงสัยเป็นอย่างมากว่าพระองค์กำลังถูกหลอก แต่ "อีกไม่นานฉันจะรู้"
พระองค์คิดกับตัวเองและไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้กับใคร
Meanwhile the poor
Rose-Beauty on the mountaintop wept and moaned, pearls rolling down her cheeks
from her sightless eye-sockets until the basket in which she lay bound was
filled to overflowing. A scavenger at work on the road heard the sounds of
grief and cried out in fear: "Who is that, a spirit or a fairy?" The
maiden answered: "Neither a spirit nor a fairy, but a human being like
yourself."
ในขณะเดียวกันนางกุหลาบงามผู้น่าสงสารอยู่บนยอดเขาร้องไห้คร่ำครวญ
ไข่มุกกลิ้งลงมาที่แก้มของเธอจากเบ้าตาที่มองไม่เห็นของเธอ จนกระทั่งตะกร้าที่เธอผูกมัดไว้นั้นเต็มไปด้วยน้ำตา
(ไข่มุก) ล้น คนเก็บขยะที่ทำงานบนถนนได้ยินเสียงความเศร้าโศก จึงร้องถามออกมาด้วยความหวาดกลัว
"นั่นใคร วิญญาณหรือนางฟ้า ?" หญิงสาวตอบว่า: "ไม่ใช่วิญญาณหรือนางฟ้า
แต่เป็นมนุษย์อย่างคุณ"
The scavenger,
reassured, approached the basket, opened it, and saw the blind girl and the
pearls she had shed, He took her home to his miserable hovel, and being alone
in the world, adopted her as his own child. But the maiden constantly bemoaned
the loss of her eyes, and as she was always weeping the man now had nothing
else to do but gather the pearls she shed and go out and sell them. Time rolled
on. In the palace was merriment, in the scavenger's hovel grief and pain. One
day as the Rose-Beauty was sitting at the door, she smiled at some pleasant
recollection, and forthwith a rose appeared. Said the maiden to the scavenger:
"Father, here is a rose; take it to the Prince's palace and say thou hast
a rose of a rare kind to sell. When the palace dame appears, say it cannot be
sold for money, but for a human eye." The man took the rose, went to the
palace and cried aloud: "A rose for sale; the only one of its kind in the
world."
คนเก็บขยะรู้สึกมั่นใจ เข้าไปใกล้ตะกร้า
เปิดออก และเขาได้เห็นเด็กหญิงตาบอดและไข่มุกที่เธอหลั่งเป็นน้ำตา เขาจึงพาเธอกลับไปกระท่อมของเขาที่น่าสังเวชและอยู่อย่างโดดเดี่ยวในโลกนี้
เขาได้รับเลี้ยงเธอในฐานะลูกสาวของเขา แต่หญิงสาวก็ยังคงคร่ำครวญถึงการสูญเสียดวงตาของเธออยู่ตลอดเวลา
และในขณะที่เธอร้องไห้อยู่เสมอ ชายคนนั้นก็ไม่มีอะไรจะทำนอกจากเก็บไข่มุกที่เธอหลั่งเป็นน้ำตาออกมาเพื่อเอาไปขาย
จนเวลาผ่านไปเนินนานในขณะที่ในวังมีแต่ความสนุกสนาน แต่มีแต่ความเศร้าโศกและความเจ็บปวดในใจของคนเก็บขยะ
วันหนึ่งขณะที่นางกุหลาบงามนั่งอยู่ที่ประตู
เธอยิ้มให้กับความทรงจำอันน่ารื่นรมย์ และทันใดนั้นดอกกุหลาบก็ปรากฏขึ้น หญิงสาวพูดกับคนเก็บขยะว่า
“พ่อจ๋า นี่คือดอกกุหลาบ จงเอาไปที่วังของเจ้าชายและประกาศว่าท่านพ่อมีดอกกุหลาบชนิดหายากที่จะขาย
เมื่อนางข้าหลวงในวังออกมา จงบอกว่าขายไม่ได้เพื่อเงิน แต่เพื่อ ดวงตาของมนุษย์” ชายคนนั้นหยิบดอกกุหลาบไปที่วังแล้วร้องประกาศเสียงดัง:
"ขายดอกกุหลาบ มีดอกเดียวในโลก" (สมัยก่อนดอกกุหลาบบานเป็นฤดู
ถ้าไม่ใช่ฤดูของมันจะไม่มีตอกกุหลาบ)
Indeed, it was not the
season for roses. The palace-dame, hearing the scavenger's cry, resolved to buy
the rose for her daughter, thinking that when the Prince saw the flower in his
wife's possession his suspicions would be set at rest. Calling the poor man
aside, she inquired the price of the rose. "Money cannot buy it,"
replied the scavenger, "but I will part with it for a human eye."
Hereupon the woman produced one of the Rose-Beauty's eyes and gave it in
exchange for the rose. Carrying the flower immediately to her daughter, she
fixed it in her hair, and when the Prince saw her he began to fancy that she might
after all be the maiden the fairies had showed him in his dream, though he was
by no means sure. He consoled himself with the thought that soon the matter
would be cleared up.
อันที่จริงมันไม่ใช่ฤดูของดอกกุหลาบ
นางข้าหลวงวังได้ยินเสียงของคนเก็บขยะก็ตัดสินใจซื้อกุหลาบให้ลูกสาวของนาง โดยคิดว่าเมื่อเจ้าชายเห็นดอกไม้นั้นในความครอบครองของพระชายาของพระองค์
จะระงับความสงสัยของพระองค์ได้ นางจึงถามราคากุหลาบนั้น "เงินไม่สามารถซื้อมันได้"
คนเก็บขยะตอบ "แต่ฉันจะแลกมันกับดวงตามนุษย์" จากนี้นางข้าหลวงคนนั้นจึงได้นำดวงตาของนางกุหลาบงามหนึ่งดวงออกมาและมอบให้คนเก็บขยะเพื่อแลกกับดอกกุหลาบ
แล้วนางได้นำดอกไม้ไปให้ลูกสาวของนางทันที นางข้าหลวงใส่มันไว้บนผมของลูกสาว และเมื่อเจ้าชายเห็นนาง
(ลูกสาวนางข้าหลวง) เข้า พระองค์ก็เริ่มคิดว่านางอาจจะเป็นหญิงสาวที่นางฟ้าได้แสดงให้พระองค์เห็นในความฝันของพระองค์
แม้ว่าพระองค์จะไม่แน่ใจก็ตาม แล้วพระองค์ก็ปลอบตัวเองด้วยคิดว่าอีกไม่นานเรื่องก็จะคลี่คลาย
The old man took the eye
and gave it to the Rose-Beauty. Praising Allah, she fixed it in its place, and
had the joy of being able to see quite well once more. In her newfound
happiness the maiden smiled so much that ere long there were quite a number of
roses. One of these she gave to the scavenger that he might go with it to the
palace and secure her remaining eye. Scarcely had he arrived at the palace than
the woman saw him with the rose and thought to herself: "All is coming
right; the Prince is already beginning to love my daughter. I will buy this
other rose, and as his love strengthens he will soon forget the woodcutter's
child." She called the scavenger and demanded the rose, which the man said
could only be sold on the same terms as the first. The woman willingly gave him
the other eye and hastened with the flower to her daughter, while the old man
went home with his prize.
ชายชรามองที่ตานั้นและส่งให้นางกุหลาบงาม
พร้อมกับสรรเสริญพระอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า เธอจึงใส่มันเข้าไปในที่ของมัน และมีความสุขที่สามารถมองเห็นได้ค่อนข้างดีอีกครั้ง
ทำให้นางกุหลาบงามมีความสุข หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างยาวนานมา จนทำให้เกิดดอกกุหลาบบานมากมาย
ในครั้งนี้เธอจึงมอบให้กับคนเก็บขยะเพื่อที่เขาจะได้นำมันไปในวัง เพื่อเอาดวงตาที่ยังเหลืออีกข้างหนึ่งของเธอมารักษา
เมื่อมาถึงพระราชวัง ทันที่นางข้าหลวงเห็นเขาพร้อมกับดอกกุหลาบ ก็คิดในใจว่า:
"ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง เจ้าชายเริ่มรักลูกสาวของฉันแล้ว ฉันจะซื้อดอกกุหลาบอีกดอก
และเมื่อความรักของพระองค์มั่นคงยิ่งขึ้น พระองค์จะลืมลูกของคนตัดฟืนในไม่ช้า"
นางเรียกหาคนเก็บขยะและขอซื้อดอกกุหลาบ ซึ่งชายคนนั้นบอกว่าขายได้เฉพาะในเงื่อนไขเดียวกันกับดอกแรกเท่านั้น
นางข้าหลวงคนนั้นก็เต็มใจส่งดวงตาอีกข้างหนึ่งให้เขาและรีบส่งดอกไม้ไปให้ลูกสาวของนาง
ขณะที่ชายชรากลับบ้านพร้อมกับรางวัลของเขา
The Rose-Beauty, now in
possession of both her eyes, was even lovelier than before. As now she
smilingly took her walks abroad roses and grass transformed the barren hillside
into a veritable Eden. One day while the maiden was walking in the
neighbourhood, the palace-dame saw her and was dismayed. What would be her
daughter's fate if the truth became known? She inquired for the scavenger's
dwelling, hastened to him, and frightened the old man out of his wits by
accusing him of harbouring a witch. In his fright he asked the woman what he
should do. "Ask her about her talisman," she advised; "then I
can soon settle the matter." So when the girl came in the first thing her
foster-father did was to ask her how it was that, being human, she could work
such magic.
กุหลาบงามในตอนนี้ครอบครองดวงตาทั้งสองของเธอแล้ว
ทำให้เธอยิ่งน่ารักยิ่งกว่าเมื่อก่อน ตอนนี้เธอออกเดินทางไปในโลกภายนอกด้วยรอยยิ้มแห่งดอกกุหลาบและหญ้าที่เปลี่ยนเนินเขาที่แห้งแล้งให้กลายเป็นสวนสวรรค์ที่แท้จริง
วันหนึ่ง ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินอยู่ในละแวกนั้น
นางข้าหลวงได้เห็นเธอและรู้สึกท้อแท้ ต่อชะตากรรมของลูกสาวของนาง จะเป็นอย่างไรถ้าความจริงถูกเปิดเผย? ดังนั้นนางจึงถามหาที่อยู่ของคนเก็บขยะ
รีบไปหาเขา และทำให้ชายชราตกใจกลัวโดยกล่าวหาว่าเขาให้ที่พักพิงแก่แม่มด
ด้วยความตกใจ เขาถามนางข้าหลวงคนนั้นว่า
“เขาควรทำอย่างไร”
“ถามเธอเกี่ยวกับเครื่องรางวิเศษของเธอ”
นางข้าหลวงแนะนำ; “แล้วฉันจะจัดการเรื่องนี้ได้ในไม่ช้า”
ดังนั้นเมื่อนางกุหลาบงามกลับมา
สิ่งแรกที่พ่อบุญธรรมของเธอทำคือถามเธอว่า “เธอเป็นมนุษย์ แล้วทำไมเธอจึงใช้เวทย์มนตร์เช่นนั้นได้”
Suspecting no harm, she
in. formed him that at her birth the fairies gave her a talisman whereby she
could bring forth pearls, roses, and grass as long as the talisman lived.
"What is your talisman?" inquired the old man. "A young stag
that lives on the mountain; when it dies I must die too," answered the
maiden.
ด้วยความไม่สงสัยว่าจะมีอันตราย
เธอจึงบอกเขาว่า “เมื่อเกิดเธอ นางฟ้าให้เครื่องรางววิเศษให้เธอ ทำให้เธอสามารถนำไข่มุก
กุหลาบ และหญ้าออกมาได้ตราบเท่าที่เครื่องรางนั้นยังมีชีวิตอยู่
“เครื่องรางของคุณคืออะไร”
ชายชราคนเก็บขยะถาม
“กวางหนุ่มที่อาศัยอยู่บนภูเขา
เมื่อมันตายฉันก็ต้องตายด้วย” นางกุหลาบงามตอบ
Next day the palace-dame
came secretly to the scavenger, and learned from him what the talisman was.
With this precious know ledge she hastened joyfully home, imparted the
information to her daughter, and advised her to ask the Prince for the stag.
Without delay the young wife complained to her lord of indisposition, saying
she must have the heart of a certain mountain stag to eat. The Prince sent out
his hunters, who ere long returned with the animal, slaughtered it and took out
its heart, which was cooked for the pre. tended invalid.
วันรุ่งขึ้นนางข้าหลวงแอบมาพบคนเก็บขยะและได้รู้จากเขาว่าเครื่องรางคืออะไร
ด้วยความรู้อันล้ำค่านี้ นางจึงรีบกลับบ้านอย่างมีความสุข และให้ข้อมูลกับลูกสาวของนาง
พร้อมทั้งแนะนำให้ลูกสาวไปขอให้เจ้าชายล่ากวางตัวหนุ่มนั้น พระชายาสาวบ่นกับเจ้านายของนางโดยไม่ชักช้า
โดยนางบอกว่าต้องการกินหัวใจกวางหนุ่มนั้น เจ้าชายจึงได้ส่งพรานของเขาออกไปล่าสัตว์นั้นเป็นเวลานาน
ก่อนที่จะฆ่ากวางหนุ่มได้และเอาหัวใจของมันออกมาปรุงไว้สำหรับก่อน ....มีลางว่าจะไม่ถูกต้อง?
At that same instant the
Rose-Beauty also died. The scavenger buried her, and mourned for her long and
sincerely.
ในเวลาเดียวกันนั้น
นางกุหลาบงามก็เสียชีวิตเช่นกัน คนเก็บขยะฝังเธอไว้
และคร่ำครวญถึงเธอเป็นเวลานานด้วยความจริงใจ
Now in the stag's heart
was a red coral, that escaped observation; and when the Prince's wife was
eating it fell to the floor and rolled under the stairs.
ในตอนนั้นในหัวใจของกวางมีหินปะการังสีแดงซึ่งรอดพ้นจากการสังเกต
และเมื่อพระชายาของเจ้าชายได้เสวยอาหารแล้ว มัน (หินปะการัง) ก็หล่นลงกับพื้นแล้วกลิ้งไปอยู่ใต้บันไดวัง
A year later there was
born to the Prince a daughter who wept pearls, smiled roses, and under whose
tiny feet grass grew. When the Prince saw that his child was a Rose-Beauty, he
easily persuaded him self that his wife was really the right one. But one night
in a dream the Rose-Beauty appeared to him and said: "Oh, Prince, my own
bridegroom, my soul is under the palace-stairs, my body in the cemetery, thy
daughter is my daughter, my talisman the little coral."
หนึ่งปีต่อมา มีพระราชธิดาผู้ที่ร้องไห้ให้กับไข่มุก
ยิ้มแล้วกุหลาบบาน และต้นหญ้างอกงามใต้เท้าเล็กๆ ของเจ้าเจ้าหญิง เมื่อเจ้าชายเห็นว่าลูกของพระองค์เป็น
(เหมือน) นางกุหลาบงาม พระองค์ก็เกลี้ยกล่อมตัวเองอย่างง่ายดายว่าพระชายาของพระองค์เป็นคนที่ใช่จริงๆ
แต่ในคืนหนึ่งในความฝัน กุหลาบงามปรากฏแก่พระองค์แล้วกล่าวว่า “โอ้ เจ้าชาย เจ้าบ่าวของฉันเอง
วิญญาณของฉันอยู่ใต้บันไดวัง ร่างของฉันในสุสาน ลูกสาวของคุณคือลูกสาวของฉัน เกิดจากเศษหินปะการังอันเล็กในเครื่องราง
(กวาง) ของฉัน "
As soon as the Prince
awoke he went to the stairs and searched for and found the coral. He carried it
to his room and laid it on the table. When his little daughter came in she took
up the coral, and hardly had her fingers touched it than both vanished. The
three fairies conveyed the child to her mother, the Rose-Beauty, who, as the
coral fell into her mouth, awakened to a new life.
ทันทีที่เจ้าชายตื่นขึ้น พระองค์ก็ไปที่บันได
ค้นหาและพบหินปะการัง พระองค์นำมันไปที่ห้องของพระองค์แล้ววางลงบนโต๊ะ เมื่อพระธิดาตัวน้อยของพระองค์เข้ามา
พระธิดาก็หยิบปะการังขึ้นมา และสัมผัสต้องมันด้วยนิ้วเมื่อของเธออย่างรุนแรง แล้วทั้งสองก็หายไป
นางฟ้าทั้งสามได้ส่งมอบลูกให้กับแม่ของเธอ “กุหลาบงาม” เมื่อปะการังถูกใส่ลงไปในปากของเธอ
นางกุหลาบงามก็ตื่นขึ้นมาพบกับชีวิตใหม่
The Prince, in his
restless state, went to the cemetery. Behold! there he found the Rose-Beauty of
his dreams with his child in her arms. They cordially embraced, and as mother
and daughter wept for joy pearls streamed from the eyes of both; when they
smiled roses blossomed, and grass sprang up wherever their feet touched.
เจ้าชายในสภาพกระสับกระส่ายได้ไปที่สุสาน
(ถูกพามาใกล้สุสานด้วยเวทมนต์จากหินปะการังแต่มีแต่พระธิดาที่นางฟ้าพาไปหาแม่ก่อน)
ดูเถิด! ที่นั่น พระองค์พบเจ้าหญิงกุหลาบงามในฝันพร้อมพระธิดาอยู่ในอ้อมแขนของเธอ พวกเขาโอบกอดกันอย่างอบอุ่น
และในขณะที่พระมารดาและพระธิดาร้องไห้ด้วยความยินดี ไข่มุกก็ไหลออกมาจากดวงเนตรของทั้งคู่
เมื่อพวกเขายิ้ม ดอกกุหลาบก็เบ่งบาน และหญ้าก็ผุดขึ้นทุกที่ใต้เท้าสัมผัส
The palace-dame and her
daughter were severely punished and the old scavenger was invited to live with
the Rose-Beauty and the Prince at their palace. The reunited lovers had a
magnificent wedding-feast and their happiness lasted for ever.
นางข้าหลวงและลูกสาวของนาง
(อดีตพระชายา) ถูกลงโทษอย่างรุนแรง และผู้เฒ่าเก็บขยะก็ได้รับเชิญให้ไปอยู่กับเจ้าหญิงกุหลาบงามและเจ้าชายที่วังของพวกเขา
คู่รักที่กลับมาพบกันอีกครั้ง ได้จัดงานแต่งงานที่งดงามและความสุขของพวกเขาจะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร
ภาพเรื่อง นางมรณมาดา (อ่านเนียงโมโรนะเมียดา)
ที่มา https://kohsantepheapdaily.com.kh/article/143714.html/018a2e36-c654-45aa-a93d-9767126e3add
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น